เนื้อหาในรูปแบบวิดิโอการเป็น 1 ในสิ่งที่คนให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการได้มากกว่าการบรรยายด้วยภาพนิ่งและตัวอักษร ซึ่งตอนนี้มีเจ้าใหญ่ๆ ที่ทำอยู่ก็ไม่พ้น YouTube และ Facebook ที่กำลังพยายามตีตื้นขึ้นมาติดๆ ในบทความนี้มีข้อมูลที่นำมาเผยแพร่จากการสำรวจของ Locowise ที่ไปสำรวจ Pages จำนวน 1000 เพจในเดือนมิถุนายนว่ามีการใช้งานวิดิโอบน Facebook อย่างไรบ้าง
ก่อนจะเป็นผลสำรวจต้องออกตัวและเน้นย้ำว่า ผลการสำรวจนี้มีการทำเพียง 1000 เพจเท่านั้นนะครับ…
- 47% ไม่เคยอัปโหลดวิดิโอขึ้นบน Facebook Pages ของตัวเอง – แม้จะรู้กันคร่าวๆ ว่า Facebook ให้ความสำคัญกับวิดิโอ แต่เกือบครึ่งก็ยังไม่ทำในส่วนนี้
- 33% ของเพจที่อัปโหลดวิดิโอ มีวิดิโอเพียงแค่ 1 คลิปเท่านั้น
- 12% จาก Pages ที่ทำการสำรวจอัปโหลดวิดิโอมากกว่า 100 คลิป โดยเพจที่มีจำนวนวิดิโอสูงสุดเฉพาะเดือนมิถุนายนคือ Red Bull ที่มีวิดิโอมากกว่า 400 คลิป
- 182 ล้าน คือจำนวนครั้งในการชมวิดิโอจาก Pages ที่ทำการสำรวจ
- 55.3 คือความยาวของคลิปวิดิโอโดยเฉลี่ยที่ถูกอัปโหลด และ 18.2 คือวินาทีเฉลี่ยที่มีการชมวิดิโอ นั่นก็คือมีคนชมวิดิโอเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
- 53.2% ชมวิดิโอเกิน 30 วินาที
- 21.8% คือวิดิโอที่ถูกคลิกเพื่อชมและฟังเสียง ส่วนที่เหลือ 78.2% เป็นวิดิโอที่เล่นอัตโนมัติ แสดงว่าคุณมีเวลาที่จะดึงดูดความสนใจให้คนชมภายใน 3-5 วินาทีก่อนที่คนจะปัดหน้าจอผ่านไป น้อยกว่า YouTube เสียอีก
- 41.3% ของ Pages โปรโมทวิดิโอผ่าน Facebook Advertising
- Organic View ดูคลิปจนจบ มากกว่าคลิปที่ลงโฆษณา นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาที่โดนใจนั้นสำคัญ
- ภาพและความเงียบที่เกิดจากการเล่นวิดิโอแบบไร้เสียง คือสิ่งที่ช่วยกระตุ้นค่า Engagement Rate มากกว่า Like, Share, Comment และ 5.8% คือ Engagement Rate ที่เกิดจากวิดิโอ (ซึ่งเทียบกับข้อความหรือภาพทั่วๆ ไปที่อยู่ที่ไม่ถึง 1% ถือว่าสูงมากๆ)
อ่อ และอย่าลืมว่านอกจากการคลิกชมวิดิโอแบบมีเสียงแล้ว การขยายจอภาพให้เต็มและการเปลี่ยนเป็น HD จะถูกนำมาคิดอยู่ใน Algorithm เพื่อแสดงผลบน News Feed ทั้งหมด อ่านเพิ่มได้ที่นี่
- หลังจาก Facebook ดึงคนมาได้ส่วนนึงแล้ว คราวนี้ YouTube ต้องหนาวขึ้นเพราะเร่งแอร์ (ไม่ใช่!) เพราะ Facebook ก็เตรียมที่จะแบ่งส่วนแบ่งจากการชมให้กับผู้ผลิต Content ในรูปแบบวิดิโอด้วย คำถามผมก็คือ แล้วพวกเพจที่ชอบดูดวิดิโอแล้วเอามาอัปใส่ช่องทางตัวเอง เช่น YouLike, แกะดำทำธุรกิจ จะทำอย่างไรกับเขาดี
จากข้อมูลเราจะเห็นว่าวิดิโอนั้นมีผลอย่างมากในการชม แม้ว่าพฤติกรรมในการชมจะแตกต่างจาก YouTube ก็ตาม เพราะคนเข้ามาดู YouTube เขาตั้งใจจะชมวิดิโอ แต่ Facebook เป็นสิ่งที่มารบกวนเขา ดังนั้นการทำให้ภาพและเนื้อหาโดยปราศจากเสียงให้น่าสนใจจะช่วยให้ดึงดูดคนเข้ามาดู รวมทั้งความยาวของวิดิโอนั้นมีผลกับ Facebook เพราะจากข้อมูลตัวเลขด้านบน คนจะสนใจวิดิโอวิดิโอที่ไม่ยาวมากนักนะครับ
ที่มา: Locowise