สำนักข่าว Adnews ของออสเตรเลียลงมือประเมินเสียงตอบรับจากเอเจนซี่ในแวดวงสื่อที่มีต่อ Facebook Watch บริการที่ถูกยืนยันแล้วว่าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อชนช้างกับ Netflix เบื้องต้นพบว่าสื่อออสซี่บางรายยังไม่มั่นใจว่า Facebook ตั้งใจให้ Watch เป็นพื้นที่จริงจังของเหล่า premium content producer และอาจเป็นเวทีแจ้งเกิดสำหรับครีเอเตอร์ที่มีงบน้อยกว่า
หลังจากที่เปิดตัวในสหรัฐฯครบ 12 เดือน Facebook Watch ถูกตอกย้ำว่ากำลังสร้าง “ระบบนิเวศ” ใหม่ในธุรกิจวิดีโอ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการเผยแพร่สัดส่วนราคา CPM แบบ premium หรือ premium cost per impression ต่อการแสดงผลสำหรับ publisher แต่ละรายในขณะนี้ ซึ่งในช่วงทดสอบ publisher และ creator สามารถแทรกโฆษณาในวิดีโอ และได้รับส่วนแบ่ง 55% ของรายได้โฆษณาที่เกิดขึ้น ในขณะที่ Facebook เก็บเข้ากระเป๋า 45%
มุมมองของแบรนด์
สำหรับเหล่าแบรนด์ เพียงตั้งค่าแคมเปญใน Ads Manager แบรนด์จะสามารถเลือกผู้ชมที่ต้องการเข้าถึง รวมถึงจุดหรือตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาปรากฏ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของ Facebook ที่จะแทรกโฆษณาให้ผู้ชมให้แนบเนียน โดยจะใช้ข้อมูลหลายปัจจัยเพื่อให้ผู้ชมโฆษณาไม่รำคาญ
จุดนี้นำไปสู่การจับตามองเรื่อง brand safety หรือความปลอดภัยของแบรนด์ เพราะผู้เผยแพร่โฆษณาจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่โฆษณาจะแสดง ทั้งในตอนต้นและตอนกลาง (pre-roll และ mid-roll) บน content ตัวเองได้
จากการสัมภาษณ์ของ AdNews พบว่าสื่อออสซี่มองว่า Facebook Watch จะไม่ใช่ game-changing ในตลาดวิดีโอ ซึ่งทุกอย่างยังต้องไปวัดกันที่เนื้อหา โดยเฉพาะจุดแตกต่างที่จะดึงดูดความสนใจจากแบรนด์ได้
Brett Dawson ผู้บริหารบริษัทมีเดียเอเจนซี่ Bohemia เชื่อว่า Facebook Watch จะปรับส่วนแบ่งรายได้เพื่อดึงดูดเนื้อหาของกลุ่ม premium publisher มากขึ้น ขณะที่ Patrick Whitnall แห่ง Publicis ANZ เชื่อว่า Facebook อาจจะถูกต่อต้านจากกลุ่่ม premium publisher เนื่องจาก premium publisher เหล่านี้จะต้องสมัครใจสูญเสียผู้ชมจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเอง เพื่อเข้าร่วม Facebook Watch ประเด็นนี้อาจทำให้ Facebook Watch เต็มไปด้วยผู้สร้างกลุ่ม lower budget content creators ซึ่งมีฐานผู้ชมบน YouTube อยู่
ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาของ Facebook Watch คือ premium publisher จะสมัครใจร่วมหัวจมท้ายไปกับ Facebook Watch หรือไม่ โดยที่ผ่านมา premium publisher มักจะเผยแพร่วิดีโอบนแพลตฟอร์มที่สามารถทำเงินได้อยู่แล้ว จุดนี้ถือว่าเป็นความท้าทายเพราะ premium publisher มักไม่ต้องการดำเนินการเช่นนั้น เนื่องจากทุกคนใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมา
นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของเสียงตอบรับของ Facebook Watch จากเหล่ามีเดียเอเจนซี่ คาดว่าในเมืองไทย คนในวงการอาจจะมีความเห็นไม่ต่างกันมากนัก
ที่มา: : Adnews