31 สิงหาคมที่ผ่านมาคือวันที่ Facebook Inc เปิดให้บริการวิดีโอชื่อ Watch แก่ชาวอเมริกันทุกคน โดยวางแผนให้ผู้คนสามารถเพิ่มรายการโชว์ที่ตัวเองชอบแล้วแบ่งให้เพื่อนชม ความเคลื่อนไหวนี้ถูกฟันธงว่าเจ้าพ่อเครือข่ายสังคมเบอร์ 1 ของโลกจะสามารถเขย่าบัลลังก์ของ Alphabet Inc ด้วยการแย่งส่วนแบ่งรายได้โฆษณาจาก YouTube มาไม่มากก็น้อย
ตามรายงานของ Digiday สิ่งที่ Facebook ทำคือการจับมือกับพันธมิตร publisher ผู้เผยแพร่รายการทีวีและ บริษัทด้านความบันเทิงจำนวน 30 ราย นำรายการฮิตบางส่วนมาแสดงในแท็บ Facebook Watch เพื่อให้ชาว Facebook คลิกเพลินได้ตามต้องการ หากเทียบความฮิตของรายการ นักวิเคราะห์เชื่อว่า Facebook Watch จะเป็นทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ YouTube, Netflix และบริการทีวีออนไลน์อื่นได้สบาย เนื่องจากโฆษกของ Facebook กล่าวกับ Digiday ว่าจะมีการแสดงหลายร้อยรายการในอนาคต
เนื้อหาวิดีโอที่เป็นไฮไลต์ ประกอบด้วย 2 รายการจากนิตยสาร Insider ภายใต้แบรนด์ Insider ซึ่งมีชื่อว่า “The Great Cheese Hunt” และ “It’s Cool, But Does It Really Work?” ยังมีรายการ “We Need to Talk” และ “Health Hacks” จากสำนักข่าว Attn ร่วมด้วยรายการ “Wiki What?” และ “Untangled” จากบริษัท Hearst พร้อมกับ 4 รายการในเครือ Tastemade ทั้ง “Safe Deposit”, “Struggle Meals”, “Food to Die For” และ “Kitchen Little”
ทำเนียบรายการเหล่านี้ถือเป็นระดับแม่เหล็ก โดยเฉพาะรายการกลุ่มเรียลลิตี้ซึ่งเกี่ยวข้องครอบครัว Lonzo Ball ชื่อ “Ball in the Family” ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก ตามรายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่า ”Ball in the Family” ได้ออกอากาศ 2 ตอนแรกเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะออกอากาศทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนเป็นต้นไป แต่ละตอนความยาว 15 ถึง 20 นาที
ข้อมูลของ Journal แสดงว่าผู้ชมจะใช้เวลาบน Facebook นานขึ้นแน่นอน ความสะดวกและง่ายดายในการคลิกชม Facebook Watch จะดึงรายได้โฆษณามาจากหลากหลายประเภทสินค้าอย่างไม่ต้องสงสัย แถมในระยะยาว ยังอาจทำให้ผู้ชมบางกลุ่มรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องสมัครบริการทีวีออนไลน์อื่นอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องไปเสิร์ชหาบน YouTube และไม่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนให้ Netflix ก็ได้
แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ต้องดูกันยาว โดยเฉพาะเรื่องเม็ดเงินโฆษณาที่เชื่อกันว่าภาพรวมวงการโฆษณาออนไลน์จะไม่เติบโตสูงอย่างเคย ขณะเดียวกัน นักโฆษณาก็ยังต้องรักษาสมดุลย์ในการซื้อสื่อเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เท่ากับปัจจัยแวดล้อมที่ส่งให้ YouTube ยังหายใจได้คล่อง ก็ยังเห็นได้ชัดเจนแม้ว่า Facebook Watch จะเป็นภัยคุกคามที่ปฏิเสธไม่ได้
ที่มา: MarketingDive