ไตรมาสแรกของปีนี้ Facebook ประกาศว่าอัตราเติบโตของธุรกิจโฆษณาคือ 51% ตัวเลขนี้ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ล่าสุดมีรายงานว่าอัตราเติบโตนี้จะลดลงต่อเนื่องในไตรมาสปัจจุบัน ผลจากยอดซื้อโฆษณาที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
อัตราเติบโตของธุรกิจโฆษณาไตรมาสแรก 2017 ที่ Facebook ประกาศไว้เมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา 51% นั้นลดลงจากที่เคยเติบโต 57% ในไตรมาสแรกของปี 2016 ซึ่งเป็นตัวเลขที่พลาดเป้าจากคำพยากรณ์ของผู้บริหาร Facebook
ล่าสุด สำนักข่าว Adweek อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 บริษัทออนไลน์ในวงการ ว่าแม้ลูกค้าจะไม่ได้ลดงบลงโฆษณา Facebook แต่ก็ไม่ได้จัดงบประมาณเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวเหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ Facebook จะมีอัตราเติบโตลดลงอีกในไตรมาสปัจจุบัน
1 ใน 3 บริษัทออนไลน์นี้มีบริษัท Wpromote ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในแอลเอรวมอยู่ด้วย ข้อมูลระบุว่าลูกค้าหลายรายของบริษัทนี้แทบจะไม่คิดเพิ่มงบโฆษณาบน Facebook จนคาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่เพียง 51% จากที่งบประมาณหลั่งไหลเพิ่มขึ้นกว่า 154% ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ แคมเปญของ Wpromote ยังพบว่าอัตรา cost-per-click rates นั้นลดลงราว 51% ในไตรมาสนี้ด้วย
Adweek ยังรายงานถึงบริษัทในนิวยอร์ก ชื่อ iCrossing ที่ประเมินว่าลูกค้าของบริษัทจะซื้อโฆษณาบน Facebook เพิ่มขึ้น 40% ในไตรมาสนี้ ตัวเลขนี้น้อยกว่า 48% ในปีที่แล้ว
ด้านเอเจนซี่ไม่เปิดเผยนามในนิวยอร์ก ก็เผยว่ายอดซื้อโฆษณา Facebook ผ่านบริษัทนั้นทรงตัว เรียกว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ไม่เทงบโฆษณาบน Facebook เพิ่มขึ้นมากเท่าปีที่ผ่านมา คือการรอดูผลการวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญที่ได้ทำไป ขณะเดียวกันการชะลอนี้ก็สะท้อนว่านักการตลาดอาจเริ่มทดลองแพลตฟอร์มใหม่ รวมถึงการรัดเข็มขัดเพื่อขยับขยายบริษัทในรูปแบบอื่น
ที่มา: MarketingDive