หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินคำว่า “ถ้าเราได้ทำงานที่เรารัก เราจะไม่รู้สึกว่าเราต้องทำงานเลยสักวัน” แต่จะทำยังไงดีล่ะ หากธุรกิจของที่บ้าน ที่เราต้องดูแลต่อจากรุ่นของพ่อแม่ ไม่ใช่ธุรกิจที่เรารักจนสามารถทำเป็นงานประจำได้
ตั้งแต่ในวัยเด็ก บางครอบครัวอาจมีการหล่อหลอมให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ตนคิดว่าดี เหมาะสม และสามารถนำมาไปใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ในอนาคต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูก ๆ ก็ไม่อาจจะมีความคิดเห็น หรือความชอบที่ตรงกับคุณพ่อคุณแม่ไปได้ซะทุกอย่าง
จากเหตุผลนี้ “การรับช่วงต่อธุรกิจ” จึงไม่ใช่แค่การรับสิ่งที่รุ่นก่อน ๆ ทำไว้ มาทำต่อเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากสิ่งที่ตัวเองชอบ ผสมผสานกับธุรกิจของทางบ้าน จนเกิดเป็นธุรกิจใหม่ขึ้นมา วันนี้ thumbsup จึงอยากยกเคสตัวอย่างจากวิทยากรที่ขึ้นพูดในงาน Marketing Day 2018 มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
“พิน เมททัล อาร์ต” ศิลปะจากโรงงานเศษเหล็ก
ช่วงนี้ใครที่ดูภาพยนตร์ในเครือของ Major Cineplex บ่อย ๆ อาจจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับ “คุณปิ่น” ศรุตา เกียรติภาคภูมิ เจ้าของแบรนด์ “พิน เมททัล อาร์ต” ที่นำธุรกิจของทางบ้านมาต่อยอด จากธุรกิจเกี่ยวกับเศษเหล็ก นำมาผสมผสานกับศิลปะ จนได้เป็นงานศิลปะที่ทำจากเหล็ก จนตอนนี้งานบางส่วนได้นำไปใช้ตกแต่งเป็นส่วนหนึ่งของห้างใหม่ชื่อดังฝั่งธนบุรีอย่าง “ICONSIAM”
“The Idea Essential” ธุรกิจการ์ดแต่งงาน ที่ไม่ใช่แค่การ์ดธรรมดา
ต่อด้วยวิทยากรอีกท่านหนึ่ง “คุณแคทลียา ท้วมประถม” กรรมการผู้จัดการ “บริษัท ดิ ไอเดีย เอสเซนเชี่ยล จำกัด” ได้นำธุรกิจทำการ์ดแต่งงานของที่บ้าน มาดีไซน์ใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่า และสร้างเป็นแบรนด์ของตัวเองขึ้นใหม่จนทำรายได้มหาศาล คุณแคทลียายังกล่าวไว้ด้วยว่า การผสมผสานความเป็นตัวเองลงไปในงาน นอกจากจะเพิ่มมูลค่าแล้ว ยังเพิ่มความสุขในการทำงานอีกด้วย
“รองเท้านันยาง” ในมุมมองของผู้บริหาร Gen ใหม่
ทุก ๆ คนที่ผ่านช่วงวัยเรียนมาก็คงจะรู้จักรองเท้าผ้าใบ “นันยาง” ที่นักเรียนไทยส่วนมากซื้อมาใส่กัน มีทั้งสีดำ สีขาว และสีน้ำตาล โดย “คุณจักร์พล จันทวิมล” ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ได้มารับช่วงต่อ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เล็งเห็นว่าภาพลักษณ์ของรองเท้านันยางสีน้ำตาลยังดูธรรมดา จนบางครั้งก็มีคนดูถูก จึงทำการ Rebrand ใหม่ในชื่อ “Nanyang Brown” และทำ Ads Campaign “แด่ทุกคำดูถูก” เพื่อสร้าง Awareness และภาพลักษณ์ที่ดูดีขึ้นให้กับตัวสินค้า
“The Face Thailand” รายการเรียลลิตี้ชื่อดัง สะเทือนวงการแฟชั่น
ในช่วง 4 ปีก่อน “The Face Thailand” จัดว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของรายการเรียลลิตี้ประกวดนางแบบที่เป็น Talk of the town อยู่ช่วงใหญ่ ๆ ด้วยความท้าทายของการแข่งขัน ปนกับดราม่าระหว่างเมนเทอร์ ทำให้รายการนี้กลายเป็นกระแสได้ในเวลาไม่นาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นเลย หากไม่มี “คุณเต้ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก” ที่ขึ้นมาบริหาร บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด จากที่คลุกคลีมาในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งหากไม่ได้ก้าวออกจาก Comfort Zone และทำตามความชอบในด้าน Fashion ของตัวเอง รายการที่มาแรงขนาดนี้ก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย
จากเคสตัวอย่างทั้ง 4 ของวิทยากรที่ประสบความสำเร็จในการรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว จะเห็นได้ว่าไม่มีใครที่รับไม้ต่อจาก Generation ก่อนโดยที่ไม่นำไปพัฒนาต่อเองเลย ทีมงาน thumbsup หวังว่านักธุรกิจหน้าใหม่ที่กำลังจะได้เริ่มพัฒนาธุรกิจของครอบครัวตัวเองจะมีกำลังใจมากขึ้น กล้าที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบ และประสบความสำเร็จในการต่อยอดธุรกิจครอบครัวกันนะครับ