Site icon Thumbsup

อะไรคือสาเหตุที่ Fan Page ของลุง Bon Jovi มีแฟนทะลุ 11 ล้านคน?

สวัสดีเช้าวันจันทร์วันแรกของการทำงานและการเรียน ขอให้ทุกท่านสนุกสุขสันต์กับการทำงานเช่นเคย วันนี้ thumbsup เริ่มต้นด้วยข่าวบันเทิงสนุกๆ ตามประสาคนรักไอทีเช่นเคย…

Bon Jovi วงร็อกชื่อก้องโลก ก็เป็นวงหนึ่งที่สนใจใช้ Facebook ในการติดต่อสื่อสารกับแฟนเพลงทั่วโลก ล่าสุด Fan Page ของลุงๆ คณะ Bon Jovi ทะลุ 10 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว (แต่ขณะที่ผมเขียนข่าวนี้ ต้องบอกว่าทะลุ 11 ล้านไปแล้ว) ทางวงดีใจมากจนต้องออกมาขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนโดยการ ‘Like’ กันถล่มทลาย พร้อมกับฝากแฟนเพลงบอกต่อให้แฟนๆ ร่วมกันถ่ายรูปคู่กับป้าย “10 Million Facebook Fans Can’t Be Wrong!” ข้างล่างนี้ โดยแฟนๆ คนไหนที่ทำอย่างนั้นทีมงานจะเอารูปมาใส่ในแกลเลอรี่ให้แฟนๆ คนอื่นได้ดูกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ “ตัวเลข” ว่า 10 ล้านน่าตื่นเต้นแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือ เขาได้ 10 ล้านมาได้อย่างไร? มาดูกัน

ทำไม Bon Jovi ถึงมีแฟนๆ เข้ามาคลิกกันถึง 10 ล้านครั้ง? ด้วยความโด่งดังของวงที่ทำเพลงมาอย่างสม่ำเสมอ มีเพลงดังๆ ติดชาร์ตออกมาเรื่อยๆ คงไม่มีใครกังขา แต่ที่น่าสนใจคือทางวงให้ความสำคัญกับการดูแลแฟนๆ ได้อย่างทั่วถึง และประชาสัมพันธ์วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังหาประโยชน์เข้าวงได้ไม่เลวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการที่ทางต้นสังกัดได้ตั้งทีมงาน Social Media ให้กับ Bon Jovi ไว้โต้ตอบกับแฟนเพลงโดยเฉพาะ มีการทำระบบ E-Commerce ผ่าน Facebook อย่างการขายของที่ระลึก การอัพเดตตารางทัวร์ผ่านทางส่วน Event ทำ Poll ถามความคิดเห็นจากแฟนๆ ทางสมาชิกของวงยังมีโปรแกรมลงมาพูดคุยกับแฟนเพลงด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดโดยถ่ายเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ บางตอนก็ก่อนขึ้นคอนเสิร์ต บางตอนก็ถ่ายที่สตูดิโอ พูดคุยกับแฟนๆ ครั้งละไม่เกิน 1 นาที และที่สำคัญก็คือ “Band Page” ที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เพลงของวงโดยแอพพลิเคชั่นดีๆ อย่าง RootMusic


เราลองตามไปดูที่เว็บไซต์ Bonjovi.com ก็พบว่าทางวงได้นำเอา Facebook Social Plug-in ติดไว้ในตำแหน่งที่ค่อนข้างเด่น ใช้ Twitter ในการแจ้งข่าวสาร ใช้ MySpace, Bebo, Last.fm, iLike, Flickr, YouTube, Pandora สาเหตุเนื่องมาจากการที่ Social Media เหล่านี้สามารถส่งคนจำนวนมากกลับไปที่เว็บไซต์ได้ และยังทำให้พวกเขาได้ Engage แฟนเพลงได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ใครที่คลิกตรง Band Page ก็จะลิงก์กลับไปที่หน้า E-Commerce ขายเพลงของวงในรูปแบบทั้ง Mp3 และ CD ทั้งใน iTunes และของตัวเอง โดยใครที่ดาวน์โหลด ทางวงก็จะแถมเพลงพิเศษที่ไม่มีในอัลบั้มทั่วไปให้ด้วย ในนั้นจะพบตัวอย่างดีๆ ของการที่วงดนตรีวงหนึ่งจะใช้ Social Media ในการดูแลแฟนเพลงได้อย่างไร Bon Jovi น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีวงหนึ่ง

ท้ายสุด แม้ยังไม่มีใครบอกได้ว่า Bon Jovi และทางต้นสังกัดได้รับผลประโยชน์ในแง่รายได้จาก Social Media มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่เห็นชัดแน่นอนคือ Bon Jovi ยังมีไอเดียเก๋ๆ ในการเชื่อมประสบการณ์ออนไลน์เข้ากับประสบการณ์ออฟไลน์ได้อย่างสวยงาม นั่นคือ

ก่อนเริ่มคอนเสิร์ต – ก่อนที่ Bon Jovi จะไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน ก็จะใช้การขายตั๋วเป็นเครื่องมือในการทำพรีวิว และส่งข้อความไปหาแฟนเพลง อย่างเช่น เราซื้อตั๋วผ่าน Ticketmaster เราก็จะได้รับอีเมลแจ้งว่าอย่าลืมไปเจอกันตามนัด

พอถึงวันคอนเสิร์ต ก่อนที่จะเริ่มเล่น ทางทีมงานก็จะส่ง MMS หรือ SMS ไปที่มือถือของคุณ ที่เป็นข้อความจาก Jon ส่งถึงคุณ เช่น “สวัสดีครับแฟนเพลงชาวไทย ตอนนี้พวกเราอยู่หลังเวทีแล้ว อีกแป๊บจะเริ่มแล้ว”

ขณะที่เล่นคอนเสิร์ต การดึงเอาภาพวิดีโอที่แฟนเพลงร้องเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Livin’ on a Prayer บนวิดีโอมาขึ้นซิงค์บนเวทีขณะที่ Jon Bon Jovi ร้องเพลงนี้ โดยที่ปากขยับตามเพลงเหมือนกันแฟนเพลงกำลังร้องไปด้วย เรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ด้านล่างเวทีได้เกรียวกราว

ก่อนออกจากคอนเสิร์ต “ก่อนออกจากคอนเสิร์ต พวกเรามีของที่ระลึกของวงด้วยนะครับ มีลายเซ็นของพวกเราด้วย ถ้าสนใจดูได้เลยครับ” จากนั้นก็ส่ง Code โปรโมชั่นให้คุณไปซื้อของลดราคาได้เฉพาะแฟนๆ บางคนที่ได้ไปร่วมคอนเสิร์ต

หลังจากคอนเสิร์ตจบก็จะชวนเข้าไปเจอกันที่เว็บไซต์ Bonjovi.com และดูวิดีโอจากคอนเสิร์ตในเมืองอื่นๆ (หรือแม้กระทั่งคอนเสิร์ตที่คุณเพิ่งไปดูมา)

พูดง่ายๆ ว่าแฟนเพลงทั่วโลกของ Bon Jovi สามารถพูดคุยและร่วมกิจกรรมกับวงได้ง่ายขึ้นด้วยสื่อดิจิตอล เมื่อซื้อใจแฟนๆ ได้ Engage กันได้ตลอด การเพิ่มยอดตั๋วคอนเสิร์ต และการสร้างให้ตัวเองอยู่ในกระแสก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลบวกถึงตัวเองในที่สุด ด้วยวิธีการเล่นกับคนดู เล่นกับความรู้สึกของแฟนๆ แบบนี้ 11 ล้านคนบน Fan Page เลยเป็นไปได้ หรือคุณคิดเป็นอย่างอื่น? มีความเห็นอื่นบ้างไหมครับ?

ที่มาบางส่วน:Fan Page ของคณะ Bon Jovi และ Analytic Eyes