ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมฉุกเฉินลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือ COVID-19 จากระดับ 1.00-1.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25%
การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากปกติที่ผ่านมาเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% หลังจากประกาศดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงทันทีกว่าพันจุด
นอกจากมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว เฟดยังประกาศซื้อ พันธบัตรรัฐบาล (treasury bond) กับ ตราสารหนี้ที่มีสินเชื้อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (mortgage-backed securities) มูลค่ารวม 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 22.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจโดยตรง
ทั้งนี้ เฟดยังประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางระดับโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส เพื่อลดอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่จะทำให้ธนาคารทั่วโลกสามารถกู้เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้ในอัตราที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยอมรับว่า มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะเวลาอันใกล้ โดยเฟดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับนี้ไปจนกว่าจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว
แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ แต่ไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการเงินโลก
ในทางทฤษฎีเฟดสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเหมือนกับธนาคารกลางอื่นๆ แต่ Powell ยังคงเชื่อว่าอัตรา 0.00-0.25% ก็เพียงพอที่จะดึงเศรษฐกิจสหรัฐให้เดินต่อไปได้
ทั้งนี้โดนัลล์ ทรัมป์ ออกมาชื่นชมการตัดสินใจของเฟดหลังประกาศลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว โดยระบุว่า “นี่เป็นข่าวดีมาก แล้วเป็นสิ่งที่เยี่ยมสำหรับประเทศของเรา”