Facebook กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนส่วนมากแล้ว ไม่เว้นแม้แต่โรงแรมที่เราเอาไว้พักผ่อนกัน ตอนนี้เริ่มมีการนำเอา Facebook เข้ามาเป็นหนึ่งในตัวที่จะช่วยเรียกลูกค้าได้แล้ว พร้อมมีระบบการจ่ายเงินสุดไฮเทคไว้บริการนักท่องเที่ยว
ปกติแล้วเวลาที่เราไปไหนต่างจังหวัดหรือไปพักตามโรงแรมต่างๆ กิจกรรมที่เราต้องทำสำหรับผู้ที่ “คลั่ง” ในโซเชียลมีเดียคงหนีไม่พ้นการอัพเดท Status, การ Check-in รวมถึงการถ่ายรูป แต่ทั้งหมดก็ต้องใช้สมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอพพลิเคชัน Facebook ในการทำทุกอย่างที่กล่าวไป
แต่สำหรับที่โรงแรม?Ushua?a Ibiza Beach Hotel ที่ประเทศสเปนหันมาใช้ระบบที่มีการเชื่อมต่อกับ Facebook โดยจะมีตู้ (Kiosk) ที่มีอยู่ในโรงแรม และให้สายรัดข้อมือที่ทำการเชื่อมต่อกับบัญชีรายชื่อ Facebook ของผู้เข้าใช้งานมาใช้งานร่วมกับตู้ด้วยการใช้เทคโนโลยี RFID สำหรับตู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกด Like ในหน้า Page ของโรงแรม, การ Check-in บน Facebook Place และการถ่ายรูปพร้อมการ Tag ชื่อเป็นต้น โดยเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก
และที่บอกไปทั้งหมดนั้นกำลังจะเป็นอดีตไป เพราะทางโรงแรมจะเปลี่ยนเทคโนโลยี ด้วยการใช้ระบบพิมพ์ลายนิ้วมือ (fingerprint) มาใช้แทนในเพื่อการใช้งานบริการในโรงแรม?การระบุว่าเราเป็นใครจากการลงทะเบียนตอนที่เรา Check-in กับทางโรงแรมนั่นเอง
นอกเหนือไปกว่านั้น ในส่วนของการจ่ายเงิน ถึงแม้ในตอนนี้ Mobile Payment นั้นจะมาแรงจริงๆ แต่สำหรับที่นี่จะใช้ระบบพิมพ์ลายนิ้วมือที่ชื่อว่า paytouch มาใช้เป็นโรงแรมแรกของโลก
โดยระหว่างที่เราเที่ยวหรือใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรม ก็สามารถใช้บริการและชำระเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินด้วยนิ้วมือของเราเองได้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องพกกระเป๋าเงินหรือพกบัตรให้ยุ่งยาก โดยทางพนักงานก็จะเอาเครื่องนี้มาเสริฟพร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มที่เราสั่งมาเลยในครั้งเดียว โดยวิธีการนี้จะช่วยลดการยุ่งยากและการสับสนใจการจ่ายเงินที่ต้องเดินไปมาเพื่อคิดเงินและมาทอนเงินนั่นเองซึ่งระบบนี้น่าจะเป็นการผูกกับบัตรเครดิตไว้เลยตอนที่ทำการลงทะเบียน “นั่นเท่ากับว่า พิมพ์ปุ๊ป เงินหายปั๊บ” นั่นเอง
ลองดูวิดิโอแนะนำของทางโรงแรมนี้ได้ เห็นแล้วก็อยากบินไปสเปนซะตอนนี้เลยทีเดียว
แต่มองได้อีกแง่ของระบบที่ทางโรงแรมนี้ใช้น่าจะเอาไปประยุกต์ใช้งานได้อีกหลายอย่างหลายสถานที่และหลายธุรกิจ ซึ่งถ้านึกถึงว่าระบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงแพงเพราะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเสียเหลือเกิน ในมุมมองของผมมองว่านี่คือจุดที่คุ้มกับการลงทุนลงไปเพราะนอกจากจะได้ชูระบบนี้เป็นจุดเด่นแล้ว ยังสามารถสร้างการบอกต่อผ่านทาง Facebook ด้วยการใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างง่ายๆ ซึ่งจุดนี้น่าจะช่วยได้เป็นอย่างดี
เมืองไทยมีเมื่อไหร่ บอกกันด้วยนะครับ ผมจะไปรีบใช้บริการแน่นอนครับ ^^
ที่มา: SpringWise