ทุก ๆ ปี Mary Meeker และทีมจะเผยแพร่รายงาน “แนวโน้มอินเทอร์เน็ต” จนได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลก จุดสำคัญของรายงานปีนี้แม้จะยังวนเวียนอยู่กับสถานะล่าสุดของโลกอินเทอร์เน็ต แต่ข้อมูลเชิงลึกนี้ยังน่าสนใจมากเพราะสามารถฉายอนาคตของ fintech หรือเทคโนโลยีด้านการเงินได้ดี
1 ใน 3 ประเด็นร้อนที่มีความหมายต่อ fintech คือหลากภาคส่วนยังต้องผลักดันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างจริงจังต่อไป เนื่องจากอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตยังเป็นส่วนผลักดันทราฟฟิกบริการดิจิทัลทางการเงินไม่เปลี่ยนแปลง แปลว่าเส้นทางการดันยอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังมีภาคต่ออีกยาวไกล
นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่าจะมีช่องทางใหม่จำนวนมากเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตในอนาคต เพื่อบุกตลาดใหม่ด้วยบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือจากที่ผู้เล่นรายใหญ่มีในมือ ช่องทางใหม่นี้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายยิ่งขึ้นในอนาคต
ที่สำคัญคือเทรนด์ฮิตอย่างการสมัครสมาชิกฟรี (freemium subscription model), เทรนด์การปรับตามผู้ใช้แต่ละคน (personalization) และเทรนด์การเน้นความเป็นส่วนตัว (privacy) จะเป็นส่วนที่หล่อหลอมลักษณะของสินค้าหรือบริการด้าน fitech ในอนาคตให้ต้องมีเกี่ยวข้องกับ 3 เทรนด์นี้
หนทางอีกยาวไกล
ตามรายงาน พบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกมีจำนวนทะลุ 3,800 ล้านคนแล้ว คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของฐานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก สัดส่วนนี้ถูกมองว่าเป็นความท้าทายเพราะยังมีสัดส่วน 50% ที่เหลือเป็นการบ้านชิ้นโต ขณะเดียวกันก็ถือเป็นโอกาสโตบนเส้นทางอีกยาวไกลที่ fintec จะต้องฝ่าไปเช่นเดียวกับธุรกิจออนไลน์อื่น
คาดว่าการขยายฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสัดส่วน 50% ที่เหลือจะทำได้ยากกว่า 50% แรกที่โลกมีแล้วในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม สถิติย้ำว่าทุกฝ่ายยังคงมีโอกาสรออยู่ เพราะลำพังเฉพาะเอเชียแปซิฟิก ก็พบว่ามีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตมากกว่า 53% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก และมีการใช้อินเทอร์เน็ต 48% ในภูมิภาค
การสำรวจยังพบว่าชาวจีนมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 21% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด โดยมากกว่าสหรัฐอเมริการาว 2.5 เท่าตัว สถิตินี้เป็นข้อมูลในการพิจารณาขอบเขตบริการ fintech ได้อีกทาง
ช่องทางใหม่โต บอกใบ้รูปร่างบริการอนาคต
บริการด้านการเงินดิจิทัลในยุคต่อไปถูกประเมินว่าจะมาพร้อมผู้ประกอบการรายเล็กลง ไม่ใช่แต่รายใหญ่อย่างเคย เห็นได้ชัดจาก Nubank ที่มีผู้ใช้มากกว่า 9 ล้านรายแล้วในขณะนี้ เมื่อขึ้นเท่าตัวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแปลว่าลูกค้าจะพร้อมจะทำธุรกรรมกับใครก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ใหญ่
ความสำเร็จของแบรนด์เล็กมักอยู่ที่การให้บริการที่เป็นเอกลักษณ์หรือเฉพาะทาง ซึ่งจะเติบโตดีมากในตลาดเกิดใหม่ เห็นได้ชัดจากการขยายตัวของบริการอย่าง Mercado Libre และ Ant (บริษัทรับชำระเงินออนไลน์ในเครือ Alibaba) ซึ่งทำรายได้จากการรับชำระเงินเพิ่มขึ้นก่้าวกระโดด ปัจจุบัน Ant มีฐานผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากที่เคยมีใน 2 ปีที่แล้ว ขณะที่ MercadoPago บริการรับชำระเงินในเครือ MercadoLibre มีทราฟฟิกใช้งานมากกว่า 400 ล้านทรานเซกชัน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 2 ปีห่อนเช่นกัน
ยังมี GrabPay บริการ fintech ที่เติบโตได้โดดเด่น โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชากรเพียง 27% เท่านั้นที่มีเลขที่บัญชีธนาคาร การให้บริการ GrabPay แก่ผู้ขับและผู้โดยสารบริการ Grab ส่งให้ฐานผู้ใช้หลายล้านรายสามารถเข้าใช้บริการ GrabPay ได้จนมีปริมาณการใช้งานพุ่งกระฉูด
แนวทางของบริการด้านการเงินดิจิทัลในยุคต่อไปอาจอยู่ที่แนวโน้มการใช้งานของคนออนไลน์วันนี้ เกณฑ์ปฏิบัติของ fintech ในอนาคตอาจประกอบด้วยเทรนด์การปรับตามบุคคลเป็นอย่างแรก เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าลูกค้ากว่า 90% ต้องการแบรนด์ที่มีข้อเสนอแบบส่วนบุคคล ขณะที่กว่า 80% ยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลแบบแลกกันเพื่อประสบการณ์ส่วนตัว และกว่า 70% เต็มใจที่จะแบ่งปันข้อมูลเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน
นอกจาก personalized experiences fintech ในอนาคตจะต้องมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวด้วย การสำรวจพบอีกว่าผู้คนมากกว่า 50% ยังกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ความน่าสนใจคือตัวเลขนี้ลดลงจาก 64% ในปี 2014
ที่มา: : Forbes