หลายวันที่ผ่านมาเชื่อว่าเล่นโซเชียลมีเดียไหนๆ ก็เจอแต่คนพูดถึง Clubhouse ทำไมแอปฯ ที่แชทด้วยเสียงเท่านั้นถึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้ แล้วความฮอตฮิตของแพลตฟอร์มจะยั่งยืนหรือแค่ชั่วคราว
วันนี้เราจะไม่มาอธิบายกันอีกแล้วว่า Clubhouse คืออะไร แต่จะมาพูดถึงหลักจิตวิทยาเบื้องหลังที่ทำให้ชาวโซเชียลติดแอปฯ นี้จนแย่งชิง Screen time จากโซเชียลเดิมๆ ไปเกือบหมด
เกริ่นกันก่อนเล็กน้อย Clubhouse คือแอปพลิเคชันที่สร้างห้องสนทนาสำหรับแชทกันด้วยเสียง ผู้ที่ได้รับเชิญ (Invited) เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปใช้งานได้ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างห้องเพื่อเป็นผู้พูด (Speaker) และเข้าร่วมห้องอื่นเพื่อเป็นผู้ฟัง (Audience) ได้
FOMO หรือ Fear of missing out
แต่ฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นที่สุดคือ เมื่อห้องสนทนาจบลงจะไม่มีการเก็บบันทึกเนื้อหาไว้ ซึ่งถือเป็นที่มาของจิตวิทยาเบื้องหลังที่เราเรียกว่า FOMO หรือ Fear of missing out ความหมายคือความกลัวที่จะพลาดอะไรบางอย่างไป
ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบแอปพลิเคชันที่จำกัดการเข้าถึงด้วยวิธีการเชิญเท่านั้น และการจำกัดเฉพาะอุปกรณ์ IOS รวมไปถึงถ้าเราไม่ออนไลน์ ณ ช่วงเวลาที่เกิดบทสนทนาใดๆ ก็จะพลาดเรื่องนั้นไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลุ่มผู้นำทางความคิด (Leader Thought) เข้ามาใช้งานเป็นจำนวนมาก
การปรับตัวของกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ สื่อ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์เข้ามาสร้างห้องสนทนากันครอบคลุมเกือบทุกหมวดหมู่ตอบโจทย์ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การตลาด การเมือง และบันเทิง อีกปัจจัยนึงคือผู้ใช้งานแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ปรับตัวเข้ามา Clubhouse รวดเร็วเช่นกัน
ส่งผลให้เวลาเฉลี่ยในการใช้งานแอปฯ ต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ภายในระยะเวลา 8 เดือนมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 6 แสนคนเป็น 6 ล้านคนและยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทได้รับเงินระดมทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์กลายเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นเหมือนกับ Uber และ Airbnb
จนถึงวันนี้ Clubhouse ยังคงเพิ่มจำนวนผู้ใช้แบบก้าวกระโดด แม้จะมีข้อจำกัดในการสร้างบัญชี แต่กลุ่มผู้นำทางความคิดก็เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี สาระความรู้ ความบันเทิง ชุมชนที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมเป็นจุดเด่นที่เสริมกันและกันระหว่างแอปฯ และผู้ใช้งาน
References