“เพื่อให้เราเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจนี้ การร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ จะช่วยให้เรามีโอกาสโตเร็วขึ้น” คุณฐากูร ชาติสุทธิผล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีฟวิ่ง โมบาย จำกัด เล่าถึงความร่วมมือกับทาง Beacon Venture Capital และ JWD Group ว่า การรับเงินลงทุนจากบีคอน เวนเจอร์ และ JWD Group จะช่วยให้ระบบการบริหารจัดการต่างๆ ทำได้ดีขึ้น
ด้วยสถานการณ์โควิด19 เข้ามากระทบภาพรวมธุรกิจอาหาร โดยทาง ฟู้ดสตอรี่ (FoodStory) สตาร์ทอัพผู้นำด้านการพัฒนาระบบการจัดการร้านอาหารที่ครบวงจรสำหรับร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ อาทิ ร้านอาหารทั่วไป ร้านบุฟเฟต์ ร้านกาแฟและฟู้ดทรัค เป็นต้น
โดยสามารถเริ่มต้นด้วย iPad เพียงเครื่องเดียว ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดการหน้าร้านเพื่อรองรับลูกค้า Dine-in และลูกค้าที่สั่งอาหารมาทางบริการเดลิเวอรี่ ยังมีการจัดการหลังร้านที่รองรับการเชื่อมต่อกับระบบบัญชีและการสั่งซื้อสินค้าวัตถุดิบในรูปแบบออนไลน์ผ่าน FoodStory Market โดยร้านอาหารสามารถเลือกแพ็คเกจรายเดือนตามความต้องการของร้าน (Subscription Model) และสามารถสั่งซื้ออุปกรณ์สำหรับการขายหน้าร้านได้อย่างครบวงจร
ปัจจุบันร้านอาหารมีการปรับตัวและนำโทคโนโลยีไปใช้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีจำนวนร้านอาหารที่ทรานฟอร์มบ้างแล้ว จากภาพรวมมูลค่าการตลาดรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีมากถึง 4-5 แสนล้านบาท โดยฟู้ดสตอรี่เพิ่งเข้าไปมีส่วนช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารเข้ามาใช้ระบบดิจิทัลในหลักหน่วย ซึ่งเรายังมีโอกาสอีกมาก เชื่อว่าจะช่วยเรื่องข้อมูลให้ร้านอาหารบริหารจัดการธุรกิจได้ดีขึ้น
ทางด้านของ JWD Group คุณธเนศ พิริย์โยธินกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการค้า พัฒนาธุรกิจ และการลงทุน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD กล่าวว่า JWD Group เล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจอาหาร และ เชื่อว่าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะการเติบโตผ่าน eCommerce channel ซึ่งเป็นช่องทางที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง
การลงทุนใน FoodStory เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ e-Commerce ที่สำคัญในการขยายการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ด้านอาหารผ่าน Application Platform เพื่อที่จะทำให้เราสามารถที่จะขยายบริการโลจิสติกส์ทางด้านอาหารให้คลอบคลุมทั้งตลาด B2B B2C และ C2C ในอนาคต
ภาพรวมธุรกิจของ JWD วางเป้าธุรกิจ 5 ปี จะสร้างยอดขายทั้งกลุ่ม อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการที่จะมีรายได้ถึงเป้านั้น เราต้องมีการลงทุนเม็ดเงิน 12,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 5 ปี ขณะนี้เป็นช่วงของการเริ่มต้น
ในการขยายธุรกิจด้านโลจิสติกและซัพพลายเชน เรามีสัดส่วนอยู่ที่ 1 ใน 4 ของภาพรวมตลาด ทางด้านของการลงทุนเพื่อให้เกิดโอกาสทางรายได้นั้น บริษัทได้ลงมือทำ ทั้งการสร้างศูนย์กระจายห้องเย็น ขยายคลังสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องของการลงทุนนั้นไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่เป็นการสร้างอินฟราสทรัคเจอร์ในด้านธุรกิจอาหารและลงทุนเรื่องการขนส่งในอนาคต
“การขยายโอกาสร่วมกับทางฟู้ดสตอรี่นั้น เพราะเราสนใจ Consumer Sector จากข่าวเก่าจะเห็นว่าก่อนหน้านี้ เรามีความร่วมมือกับทางออริจิ้น ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหา ที่เรามองว่าเป็น Segment ที่จะเอาเทคโนโลยีมาลิ้งกันได้ ไม่ใช่แค่ธุรกิจกับผู้อยู่อาศัย แต่เป็นตลาดสดกับผู้อยู่อาศัย ซึ่งเราจะเป็นตัวเลาง โดยลูกบ้านจะได้สินค้าในราคาที่ใกล้เคียงกับการเดินทางไปซื้อเองที่ซูเปอร์หรือต่ำกว่า ก็เป็นอีกเรื่องที่เรามองหาในอนาคตอีก 3-5 ปี”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขยายบริการทางด้านการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบเร่งด่วน (Cold Chain Express Delivery) พร้อมกับการขยายเน็ตเวิร์คการกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิผ่านการขยายคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิของบริษัทในอนาคตตามแผนธุรกิจที่วางไว้
“สำหรับ JWD ธุรกิจที่ทำกับร้านอาหารคือ Cold Chain Express Delivery ให้ธุรกิจ ซึ่งเราเพิ่งทำมาหนึ่งปีครึ่งตั้งเป้าให้ธุรกิจนี้มีรายได้ร้อยล้านบาทและคาดหวังการเติบโตแบบดับเบิลดิจิทไปเรื่อยๆ การท่ีจะเติบโตแบบภาพใหญ่ได้ต้องมีการลงทุนต่อเนื่องทุกปี และปีนี้วางเป้าหมายในการลงทุนราว 500-1,000 ล้านบาท”
ในปัจจุบันร้านอาหารมีการปรับตัวและนำโทคโนโลยีไปใช้ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก โดย FoodStory ยังคงมุ่งเน้นที่จะพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็น Core Value หลักของ FoodStory
นอกจากนี้ ทาง Food Story ได้มีการปรับ Food Story Vision จาก “Revolutionize Restaurant Industry” เป็น “Leverage Data To Connect Farm to Folk” เพื่อต่อยอดจากระบบการจัดการร้านอาหาร (POS)ที่เป็น Data Collector เพื่อนำข้อมูลเปลี่ยนมาเป็นInsightที่จะช่วยแนะนำธุรกิจร้านอาหารให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
“ระบบ Farm to Folk มีจำนวนซัพพลายเออร์ในระบบอยู่ที่ 20 กว่าราย ซึ่งเรายังเปิดรับรายได้ใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพราะ SKU ในธุรกิจอาหารมีจำนวนมาก โดยจะเน้นที่การบริหารจัดการเป็นหลัก ซึ่งเงื่อนไขในด้านการร่วมมือกับเรา คือซัพพลายจะต้องสามารถจัดส่งวัตถุดิบให้ร้านอาหารตามที่เราต้องการ”
ส่วนร้านอาหารที่ใช้บริการระบบของ Foodstory ได้แก่ Momo Paradise, Penguin eat Shabu, Souffle and Me, Red Daimond, ศรีตราด, Memorize Brownie, Acai Story เป็นต้น ซึ่งธุรกิจที่เราเข้าไปทำตลาดนั้น จะต้องเป็นธุรกิจที่มีหน้าร้านและมีรายได้ตั้งแต่ 1 แสนบาทต่อเดือน
ทางด้านของคุณธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด(Beacon VC) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย (KBank) มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงินเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าและผู้ประกอบการธุรกิจทุกประเภท
ทั้งนี้ Beacon VC ได้เข้าลงทุนและร่วมมือกับทาง FoodStory โดยมุ่งหวังเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารรายย่อยในการให้เข้าถึงการบริการทางด้านการเงินอย่างครบวงจรและใช้ประโยชน์จากdataเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น
โดยในปี 2564 นี้ ธุรกิจร้านอาหารยังคงมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19เ เต่ Beacon VC เชื่อว่า FoodStory จะเป็นช่องทางสำคัญที่จะสามารถช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารได้ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนจากการขายหน้าร้านมาเป็นการขายแบบเดลิเวอรี ระบบจัดการดังกล่าวนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารร้านได้ง่ายมากขึ้นแล้ว ยังสามารถเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่และสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
“บีคอนลงทุนในสตาร์ทอัพไป 12 รายแล้ว ฟู้ดสตอรี่เป็นรายที่ 13 ซึ่งทางสำนักงานใหญ่ยังคงเพิ่มเงินลงทุนในบีคอนต่อเนื่องในการเข้าไปช่วยสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ หลังได้เงินทุนมาเพิ่มอีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เราก็เลยมองไปยังสตาร์ทอัพด้านใหม่ๆ อย่างบล็อกเชน ที่จะมาช่วยเสริมธุรกิจของบริษัทให้ดีขึ้น”