ก่อนนี้ชาวออนไลน์จำนวนไม่น้อยอาศัยเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือร้านค้าออนไลน์เป็นแหล่งข้อมูลหลักเพื่อศึกษาคุณสมบัติหรือเรื่องราวต่างๆ ของสินค้าที่สนใจ แต่วันนี้เทรนด์กำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากการสำรวจล่าสุดพบว่าคนทั่วโลกหันมาศึกษาเรื่องราวของสินค้าผ่านวิดีโอบน “YouTube” มากขึ้นต่อเนื่อง
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตครองโลกอย่างทุกวันนี้ การค้นหาข้อมูลของสินค้าสามารถทำได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว โดยเฉพาะข้อมูลการรีวิวอธิบายคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการนั้นๆ ล่าสุดเว็บไซต์ Adweek ได้ชี้ให้เห็นถึงกระแสนิยมในการรีวิวสินค้าที่เปลี่ยนไป โดยพบว่าทุกวันนี้ผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับ YouTube แทนที่เว็บค้าปลีกอย่าง Amazon หรือ eBay
หนึ่งในหลักฐานของข้อสรุปนี้คือจำนวนคลิปวิดีโอแนะนำสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน จุดนี้ Adweek ได้ยกตัวอย่างการค้นหาจักรยานเสือภูเขายี่ห้อ Trek บน Amazon ซึ่งผลปรากฏว่าไม่สามารถค้นหารีวิวจักรยานได้เลย ในขณะที่เมื่อลองค้นหาบน YouTube ก็ปรากฏลิงค์วิดีโอที่เกี่ยวข้องกับจักรยานดังกล่าวกว่า 500 ลิงก์ ซึ่งวิดีโอเหล่านี้มีคนชมไปแล้วมากกว่า 5 ล้านครั้ง
เจ้าของสินค้าหลายประเภทเริ่มให้ความสนใจเทรนด์นี้มากขึ้นอย่างชัดเจน เช่น Canon ที่ปล่อยคลิปวิดีโอมากกว่า 20 ชุดเพื่อแสดงจุดเด่นของกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่อย่าง 70D ที่มีกำหนดวางตลาดในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ การสำรวจยังพบวิดีโอที่เกี่ยวกับกล้องรุ่นนี้มากกว่า 300 วิดีโอ ซึ่งเมื่อลองไปค้นหาเกี่ยวกับกล้อง 70D บน Amazon จะพบว่ายังไม่มีข้อมูลใดเลย
สาเหตุที่การรีวิวสินค้าบน YouTube ได้รับความนิยม ถูกมองว่าเป็นเพราะการได้เห็นและได้ฟังคำพูดเกี่ยวกับสินค้าของผู้รีวิว ประสบการณ์เหล่านี้สร้างแรงดึงดูดและทำให้ผู้ชมสนใจได้มากกว่าการอ่านข้อความ โดยทาง Adweek ยกตัวอย่างด้วยสินค้าอย่างกล้องวิดีโอ GoPro ที่การชมวิดีโอสามารถช่วยให้ผู้ที่สนใจสินค้า สามารถจินตนาการถึงการใช้งานสินค้านั้นได้มากกว่า
ในแง่ของการตลาด สิ่งที่นักการตลาดควรจะต้องทำก็คือ ให้แน่ใจว่าสินค้าและบริการของตัวเองได้รับการพูดถึงจากนักรีวิวทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น เพราะผู้บริโภคสมัยนี้ค้นหาข้อมูลและตัดสินใจก่อนที่จะเดินไปถึงหน้าร้านของเราเสียอีก เข้าทฤษฎี ZMOT นั่นเอง ส่วนคนทำอีคอมเมิร์ซก็จะต้องแน่ใจว่าหาทางที่จะทำให้คนที่ดูรีวิวจบแล้ว สนใจก็คลิกมาซื้อที่เว็บไซต์ของเราได้ เช่นการซื้อโฆษณาแบบ contextual บน YouTube แบบต่างๆ
ที่มา: Adweek