Site icon Thumbsup

สัมภาษณ์ ‘ลืมป่วย’ เพจที่จากความไม่ตั้งใจ แต่แจ้งเกิดในฐานะเพจเพื่อสุขภาพ

พีช-พีรวัส ธีระปัญญารัตน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ลืมป่วย จำกัด จากอดีตชายหนุ่มที่เรียนจบด้านโภชนาการ และมีความชอบเกี่ยวกับเรื่องการตลาด เขาได้นำสองอย่างนี้มารวมกันเพื่อเปิดเป็นชุมชนสุขภาพที่ชื่อว่าเพจ ‘ลืมป่วย’ เพจที่คอยให้ความรู้ด้านสุขภาพ และต่อยอดไปทำธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพด้วย ลองมาดูกันว่าในยุคออนไลน์แบบนี้การขายผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง

ชุมชนสุขภาพที่ชื่อว่า ‘ลืมป่วย’ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

พีรวัส : ในตอนแรกเพจนี้ไม่ได้เกิดมาจากความตั้งใจ เพราะมาจากการที่เราเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้ลูกค้า แล้วรับทำเพจด้วย ซึ่งก็มีลูกค้ามาจ้างทำเพจนี้ขึ้นมา

แต่พอทำไปสักพักนึงเราก็คุยกับลูกค้าไม่รู้เรื่อง เพราะเราก็มีคอนเซปต์ที่วางไว้ แต่ลูกค้าจะมีคอนเซปต์ของเขาที่เขาอยากได้ เลยทำให้มุมมองไม่ตรงกัน ทำให้ในที่สุดแล้วทางเราก็เลยตัดสินใจคืนเงินเขาไป

แล้วนำเพจมาทำเองจึงได้เกิดเพจลืมป่วยขึ้นมา ซึ่งเบื้องต้นเพื่อจะให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ แต่ต่อมาก็เริ่มมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าดูแลสุขภาพ

พีช-พีรวัส ธีระปัญญารัตน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ลืมป่วย จำกัด

ทำไมวันนั้นเราถึงคิดไม่ตรงกันกับลูกค้า ?

พีรวัส : ลูกค้าเขาเป็นพยาบาล เขาอยากมีเพจสุขภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีเพจหนึ่ง ที่เป็นเพจเกี่ยวกับสุขภาพเหมือนกันและเป็นลูกค้าเราเหมือนกัน ชื่อเพจว่าเลิกป่วย ซึ่งเป็นแนวเดียวกัน โดยลูกค้าคนนี้เห็นและอยากให้ทำเหมือนเขาเลยต่างกันตรงชื่อจากเลิกป่วยเป็นลืมป่วย

ซึ่งเราบอกว่าอย่าไปทำเหมือนเขาเลยอยากให้แยกออกมาต่างหาก จึงทำให้เวลาคุยกันมันเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งลูกค้าต้องการทำเพจให้โต แต่ลูกค้าจะมีความคิดของเขามันเลยไปกันไม่ได้

ทำอย่างไรให้เพจมีผู้ติดตามเยอะๆ ?

พีรวัส : แรกๆ เราทำแบบลองผิดลองถูกเลย และยิ่งทำยิ่งจับทางได้เองโดยพยายามทำเรื่องที่มันเป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ ยิ่งเราเจาะปัญหาคนส่วนใหญ่เยอะเพจยิ่งโตไว

มองว่าอย่างแรกเราต้องรู้เลยว่าคนต้องการอะไร เหมือนกับการทำการตลาด ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ความรู้แนวไหน และทำคอนเทนต์ให้มันใช้ภาษาง่ายๆ

เพราะบางทีผู้อ่านเริ่มจากไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนั้น จึงจำเป็นต้องให้ใช้ภาษาง่ายๆ ด้วยการแปลภาษาวิชาการให้เป็นภาษาบ้านๆ เพื่อให้อ่านง่ายๆ ทำให้คนทั่วไปอ่านแล้วรู้เรื่อง ให้แม้แต่เด็กประถมมาอ่านก็เข้าใจจะทำให้เข้าถึงคนได้ง่าย

ที่จริงการทำเพจทุกแนวมันเหมือนกันหมด เพราะเวลาเราทำเพจอะไร เราต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร หรือกลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร เพราะว่าก่อนหน้านี้ทำเพจเกี่ยวกับแนวทั่วไปเป็นแนวความรัก ชื่อเพจว่า ‘คืนความสุข’ เป็นเพจคำคมและให้ข้อคิด อันนี้มันก็โตจนมีผู้ติดตามหลายแสนเหมือนกัน

ซึ่งเรามองว่าเน้นในทางธุรกิจดีกว่า ผ่านการสะสมฐานคนก่อน แต่อย่าพึ่งเน้นหากำไรในช่วงแรก คือต้องทำให้เขารู้สึกก่อนว่าเรามาทำเพื่อเขา คือต้องให้ประโยชน์แก่เขาให้มากที่สุดก่อน แล้วสักวันเขาจะตอบแทนเราเอง

ต่อยอดจนมาเป็นพื้นที่สำหรับสินค้าเพื่อสุขภาพได้อย่างไร ?

พีรวัส : มันมีทั้งการขายของโดยตรงในเพจ โดยการยิงโฆษณาขาย เพื่อเอามาขายของ เรามองว่าเพจนี้มีวัตถุประสงค์เอาไว้เก็บ Data เหมือนว่าวันนี้เรามีสินค้าเกี่ยวกับโรคความดัน เบาหวาน เราขายเพจอื่นนะ แต่เราจะลงคอนเทนต์คนเป็นเบาหวานเป็นวิดีโอ เพื่อเก็บ Audience กลุ่มนี้ไว้ในอนาคตแล้วก็นำมายิงโฆษณาเพื่อขาย มันก็จะตรงกลุ่ม

ซึ่งคนที่ซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพในเพจเรามีตั้งแต่วัยทำงานถึงวัยสูงอายุ ตอนนี้เลยเลือกเจาะเพจแยกออกมา เพื่อขายของแต่ละประเภท เพราะอย่างตัวที่ขายดีๆ ตอนนี้เป็นกาแฟที่บำรุงข้อกระดูก ที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทก็ตัวนี้

คุณมีเพจสุขภาพอื่นๆ ที่แยกออกมาด้วย ?

พีรวัส : สินค้าบางอย่างถ้านำไปขายในเพจคอนเซปต์มันไม่ค่อยตรงเท่าไร แต่มันขายได้ เลยเลือกที่จะทำเพจแยกออกมาดีกว่า เพื่อดึงคนที่ เหมือนเราคิดว่าเพจเป็นเหมือนกับบ่อน้ำบ่อหนึ่ง คือถ้าเราอยากได้คนกลุ่มนี้

เนื่องจากสุขภาพแต่ละคนไม่เหมือนกัน ข้อเข่าเสื่อม เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตัน ลูกค้ามีความต้องการไม่เหมือนกันเลย เราจึงจำเป็นต้องแยกเพจออกมาเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมาเลย โดยแยกออกจากกัน แต่ใช้เพจลืมป่วยเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากเพจลืมป่วยมันใหญ่แล้ว เวลามีคอนเทนต์อะไรขึ้นมาเราก็แชร์ลงในนี้

ทำไมต้องทำเนื้อหาให้มีคุณภาพอยู่เสมอ ?

พีรวัส : เพราะว่า Facebook จะมีระบบให้คะแนนเพจแต่ละเพจ ถ้าเพจไหนที่ลงคอนเทนต์คุณภาพเยอะๆ และคนมา Engage เยอะๆ มันจะมีคะแนนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพจมีคุณภาพ แต่เพจไหน เวลาลงแล้วคนไม่สนใจยิ่งลงเยอะๆ สักวันคนจะเห็นน้อยลงเรื่อยๆ

เนื่องจาก Facebook ค่อนข้างแคร์คนที่เล่นกับ Facebook ดังนั้นถ้าเราเข้าใจ Facebook ว่าเขาแคร์คนเล่น เพราะว่ามันเป็นลูกค้าเขา

ถ้าวันนึงเขาปล่อยคอนเทนต์ที่ไม่มีคุณภาพเยอะๆ คนเขาก็จะเลิกเล่นเพราะเขารำคาญ พอลูกค้าที่เป็น User หายไป รายได้หลักของ Facebook จากโฆษณาก็จะหายไปด้วย

เพราะว่าถ้าไม่มีคนเล่น Facebook ก็จะไม่มีใครมาลงโฆษณากับ Facebook เขาจึงพยายามรักษาสมดุลในจุดนี้ เมื่อเราเข้าใจ Facebook เราก็พยายามทำสื่อให้เป็นมิตรกับคนที่อยู่ใน Facebook คือเป็นสิ่งที่คนอ่านอยากอ่าน

ทำเนื้อหาเรื่องสุขภาพอย่างไรให้ไม่น่าเบื่อ ?

พีรวัส : มองว่าเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของเพจลืมป่วย น่าจะเป็นเรื่องคอนเทนต์ที่ได้เสพง่าย เป็นเพจสุขภาพที่ไม่ไกลตัวเกินไป เพราะว่าเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพมันค่อนข้างดูวิชาการ ถ้าเราทำมันง่าย ซึ่งมันขึ้นอยู่ที่การนำเสนอของเราจะทำยังไงให้คนเข้าใจ อย่างร้าน Jone Salad เขาทำเป็นรูปการ์ตูนเป็นเรื่องวิชาการที่อ่านสนุก

และหากสังเกตเพจโตๆ เขาเสพง่าย เช่น หมอแล็บแพนด้า เขาก็เป็นวิชาการแต่เขาก็เป็นความบันเทิง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ง่ายนั้น มันต้องเป็นเรื่องที่ง่ายแต่ชัวร์

นอกจากนั้นเนื้อหาที่คนอินเยอะๆ ก็ยอดดี อย่างเช่น เรื่องการกิน ที่ทุกคนต้องกินหมด หรือเรื่องยาลดน้ำหนัก ทุกคนอยากลดน้ำหนักกัน แต่พอเราเจาะลึกไปเป็นโรคๆ คนเริ่มสนใจเริ่มน้อยแล้ว เพราะทุกคนไม่ได้เป็นโรคเดียวเหมือนกันหมด

แต่มันก็มีสลับกันบ้างเราจะเจาะเรื่องโรคเฉพาะอย่างความดัน เบาหวานที่คนเป็นเยอะ แต่จำพวกโรคเก๊าท์ อะไรอย่างนี้คนไม่ได้เป็นเก๊าท์ทุกคน เราจึงต้องเลือกสิ่งที่มันทัชกับกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นหลัก เน้นสิ่งที่มันเข้าถึงง่ายเป็นหลัก

“ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่เข้ามาในเพจรู้จักเราเขาจะต้องสุขภาพดีขึ้น”

คัดสินค้ามาลงเพจอย่างไร ?

พีรวัส : ส่วนใหญ่ค่อนข้างเจอสินค้าที่ดีอยู่แล้ว เพราะว่าเราเป็นที่ปรึกษาในเรื่องออนไลน์ สอนการตลาด Online จะมีลูกศิษย์เยอะและลูกศิษย์เราเป็นเจ้าของแบรนด์ทั้งนั้น เราก็เลยมีสิทธิ์เลือกว่าแบรนด์ไหนดีแบรนด์ไหนไม่ดี เพราะว่าแบรนด์เราไม่ใช่แบรนด์ตลาดดัง แต่เน้นดูสารสกัดที่เขาใส่

อย่างหนึ่งเลยเรารู้จักเจ้าของแบรนด์ซึ่งเป็นลูกศิษย์เรา เราจึงเชื่อใจระดับหนึ่ง และเรารู้จักกับโรงงานที่ผลิตซึ่งเป็นที่เดียวกับที่เค้าผลิตกาแฟให้เรา กาแฟตัวที่ขายดี จึงมั่นใจว่าสินค้านี้โอเคเลยเอามาขาย

เพราะว่าเราก็มีเพื่อนอยู่ในวงการขายพวกส่วนผสมต่างๆ ให้ทางโรงงาน ที่เราสามารถตรวจสอบได้ว่าโรงงานนี้เป็นยังไง สารสกัดเขาโอเคไหม แต่สุดท้ายต้องดูผลลัพธ์ลูกค้าว่าใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง

สินค้าที่ขายดีมักเป็นสินค้าที่ซื้อซ้ำ ?

พีรวัส : ซึ่งปกติถ้าเป็นแบรนด์ลดน้ำหนักเราจะไม่จับเลย เพราะว่าหนึ่งตลาดมันแข่งขันสูงและก็ผลลัพธ์มันไม่ได้ทุกคนร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจึงเน้นอะไรที่มันอยู่ยาวๆ เพราะว่าลูกค้าสามารถซื้อซ้ำต่อเนื่องได้

ตอนนี้ที่ซื้อซ้ำเยอะๆ ที่ขายดีมี 2 ตัว คือ ตัวแรกคือ กาแฟบำรุงข้อและกระดูก สำหรับคนที่ปวดข้อ ปวดกระดูก เขากินทุกวันวันละแก้วและเขากินแล้วหายปวด อีกอย่างมันเป็นกาแฟซึ่งเขากินกาแฟทุกวันอยู่แล้วก็กินแทนกาแฟปกติ

และเมื่อกินแล้วเขาเห็นผลลัพธ์ เขาก็ไปบอกเพื่อนบ้าง ถือเป็นการขายต่อให้เราโดยอัตโนมัติเยอะมากๆ

ก้าวต่อไปในอนาคตของ ‘ลืมป่วย’ เป็นอย่างไร

พีรวัส : ในอนาคตเราตั้งใจจะเปิดร้านออฟไลน์ที่เป็นเหมือนเฟรนไชส์ที่ชื่อว่า ‘ลืมป่วย’ เพราะมองว่าโลกในอนาคตทั้งออนไลน์และออฟไลน์มันต้องเชื่อมโยงกันแล้ว คุณเข้ามาดูเพจแล้วสนใจ อยากได้สินค้า นอกจากการสั่งซื้อออนไลน์ก็ยังเดินออกไปปากซอยเพื่อเข้าร้านเราแล้วซื้อสินค้าได้เลยเหมือนกัน มองว่ามันต้องเป็นแบบนั้น

พีรวัส บอกเราตอนท้ายว่า สำหรับเพจลืมป่วยของเราตอนนี้ความต้องการของเขาคือ “ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่เข้ามาในเพจรู้จักเราเขาจะต้องสุขภาพดีขึ้น” ไม่ว่าเขาจะมาเสพคอนเทนต์ของเรา หรือว่าซื้อสินค้าเราไปทานต้องช่วยทำให้สุขภาพเขาดีขึ้นจริง เหมือนกับการขาย แต่ต้องได้รับประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย