ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องถามเลยกับการดึง Pain Point ของเด็กไทยจำนวนไม่น้อยมาเล่นของมหาวิทยาลัยกรุงเทพกับคลิปล่าสุดที่เผยแพร่ออกมา โดยภาพยนตร์โฆษณาด้านบนโพสต์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาเท่านั้น แต่สามารถล่ายอดวิวไปได้แล้วกว่า 1.2 ล้านครั้งและมีแนวโน้มว่าจะได้ไปต่ออีกไกล
ความแรงของเนื้อหาอาจกล่าวได้ว่าเป็นฉลาดเกมส์โกงฉบับมินิ ที่จิกกัดน้อยกว่า แต่ก็สามารถชี้เป้าจุดอ่อนการศึกษาไทยได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะเรื่องของเนื้อหาตำราเรียน ที่แม้จะไม่ได้เก่าจริงระดับปี พ.ศ. 2524 แต่ก็ไม่ได้ใหม่จนสามารถนำพาลูกหลานของเราให้ก้าวนำหน้าประเทศอื่น ๆ ในระดับโลกได้ และเชื่อเถอะว่า ถ้ามีโอกาสได้ลองพลิก ๆ แบบเรียนในปัจจุบันดู (ตั้งแต่ประถมเป็นต้นไป) จะพบคอนเทนต์ที่ผิดพลาดแทรกอยู่เป็นระยะจนไม่แน่ใจว่าผ่านการตรวจสอบออกมาได้อย่างไรด้วย
ส่วนหนึ่งคือต้องยอมรับว่า การเรียนรู้ของเด็กในสมัยนี้แตกต่างจากอดีตไปมากแล้ว และทั่วโลกก็มีแนวคิดด้านการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่ดีกว่าการท่องจำเผยแพร่ออกมามากมายตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นการที่คลิปเลือกหยิบบรรยากาศการเรียนแบบเก่าที่เน้นการท่องจำและจดเป็นหลักก็เป็นการสะท้อนได้ดีว่า เราหยุดอยู่กับที่มานานแค่ไหน
อีกข้อหนึ่งที่ปรากฏในคลิปคือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพจับจุดได้ดีว่า ในยุคแห่ง Digital Transformation นั้น คณะเดิม ๆ รูปแบบการเรียนเดิม ๆ ไม่ได้ตอบโจทย์อีกต่อไป สิ่งที่คนรุ่นใหม่มองหาคืออาชีพแห่งอนาคต ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะไม่สามารถฟันธงได้ว่า อาชีพที่ปรากฏในคลิปจะกลายเป็นอาชีพแห่งอนาคตได้จริงหรือไม่ แต่อย่างน้อย การกล้าออกมาบอกว่า “ฉันเปลี่ยนแล้วนะ” ก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่วงการการศึกษาบ้านเราไม่ได้เห็นมานาน
ที่มา : Bangkok University
หวังว่าพิพิธ