หลายคนบอกว่าอนาคตของ social media marketing จะเป็นอะไรไปได้นอกจาก Facebook, Twitter และ LinkedIn สันนิษฐานข้อนี้อาจไม่ผิด แต่รายละเอียดมีมากกว่านั้น และช่วงเวลานี้อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการสำรวจทิศทางการเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับตัวให้ทันการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่ปีนับจากนี้
หนึ่งในอนาคตมาแรงของวงการ social media marketing คือ Facebook Messenger ปัจจุบันชาวโลกใช้งาน Facebook มากกว่า 2 พันล้านราย แพลตฟอร์ม Messenger จึงถือว่ามีอนาคตไกลจนอาจจะเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางการตลาดของหลายบริษัทในอีกหลายปีต่อไป
วันนี้ชาวโลกมากกว่า 1 พันล้านคนใช้งาน Facebook Messenger แล้ว ตัวเลขนี้สะท้อนว่า Facebook Messenger เป็นพื้นอุดมสมบูรณ์สำหรับโฆษณาวิดีโอ บอทแชท และ marketing interaction อื่น จุดนี้นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า Messenger จะกลายเป็น “อีเมลของโลกใหม่” ที่ใช้งานแพร่หลาย
โฆษณาบน Messenger อาจทำงานเหมือนกับโฆษณาที่ปรากฏในฟีด Facebook นักการตลาดทุกคนสามารถเลือกผู้ชมที่ต้องการเข้าถึงตามสถานที่ ช่วงอายุ ความสนใจ และกิจกรรม แต่โฆษณาบน Messenger จะปรากฏโดยตรงในกล่องจดหมายหรือ inbox ของผู้ใช้ ซึ่งโอกาสทำการตลาดแบบส่วนบุคคลนี้เองที่จะเป็นความแตกต่างที่สำคัญ
อนาคตที่ 2 คือเนื้อหาหายวับไป
วันนี้เรารู้ดีว่าการตลาดใน Snapchat ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความน่าทึ่งอยู่ที่พลังของข้อความที่หายวับไปได้ (disappearing message) จะเพื่อดึงดูดความสนใจหรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ นาทีนี้ทุกคนสัมผัสได้ว่าเทคนิค disappearing message หรือการทำให้โพสต์หายไปในเวลาที่กำหนดนั้นให้ความรู้สึกเร่งด่วนแตกต่างจากตัวเลือกการโฆษณาอื่น
พลังของ disappearing message ทำให้ความนิยมของ Snapchat มีความชัดเจน ส่งแรงกระเพื่อมให้ Facebook Stories, Instagram Stories และ WhatsApp Status แจ้งเกิดตามมาเป็นขบวน แพลตฟอร์มใหม่เหล่านี้เองที่กำลังทำให้โฆษณาที่ “หายวับไปในเวลาที่กำหนด” มีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย
ใครที่คิดไม่ตกว่าแพลตฟอร์มใดเหมาะสำหรับตัวเอง สามารถเริ่มต้นพิจารณาว่า Instagram Stories มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า Snapchat แล้ว ซึ่งหมายถึงผู้ชมที่กว้างขึ้นสำหรับการทำการตลาด อย่างไรก็ตาม Snapchat ยังคงเป็นทางเลือกในการเจาะตลาด Generation Z และ millennials ดังนั้นจงเลือกให้ดีตามกลุ่มเป้าหมายที่อยากเข้าถึง
อนาคตที่ 3 คือวิดีโอบนสังคมออนไลน์
หากมอง Social media video วันนี้เราจะพบว่า YouTube ยังครองอันดับสูงสุด แต่นักการตลาดกำลังให้ความสำคัญกับ Facebook และ Twitter มากขึ้น เกือบครึ่งหนึ่ง (46 เปอร์เซ็นต์) ของนักการตลาดวางแผนที่จะเพิ่มวิดีโอ Facebook เพื่อเดินตามกลยุทธ์การตลาดของพวกเขาในปีนี้
จุดนี้สำนัก PRDaily สรุปว่าก่อนที่จะลงทุนอย่างหนักในงานสร้างคอนเทนต์วิดีโอ นักการตลาดควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นด้วย โดยเฉพาะความจริงที่ว่าระยะเวลาความสนใจของชาวเน็ตนั้นหดสั้นลงทุกที (attention spans) ทำให้ Facebook และ YouTube สนับสนุนให้นักการตลาดทั่วโลกสร้างเรื่องราวที่สามารถสื่อสารได้ในเวลาไม่ถึง 6 วินาที แน่นอนว่าวิดีโอยาว ๆ จะยังคงมีอยู่ไม่ได้ตายไป แต่ถ้าคุณต้องการ engagement ระดับสูงสุด การทำเฉพาะโฆษณาวิดีโอสั้นก็ปลอดภัยดี
บทสรุปจากข่าวนี้ คือแนวโน้มการตลาดใน พ.ศ. นี้มีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องรวดเร็ว แพลตฟอร์มร้อนในวันนี้อาจเป็นแพลตฟอร์มร้างในปีหน้าก็ได้ ดังนั้นเพื่อรักษาสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมาย วิธีการของนักการตลาดทุกคนจึงต้องมีวิวัฒนาการ ตามรสนิยมและความชอบของพวกเขาด้วย
แหม พูดง่ายทำง่ายสินะ.
ที่มา: PRDaily