สำหรับวิดีโอเกมกับบ้านเรานั้น คนอาจจะรู้สึกว่าขาดการควบคุมระดับอายุ ไม่ต่างจากการภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์ แม้จะมีการจัดเรตติ้งแล้วก็ตาม แต่สำหรับต่างประเทศการจัดเรตติ้งทั้งภาพยนตร์และเกมเป็นเรื่องที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
โดยจะมี MPAA เป็นหน่วยงานที่คอยควบคุมกำกับการให้ระดับของเกมว่าเหมาะกับกลุ่มคนวัยใด อายุเท่าไหร่ โดยเรต “M” หรือ Mature (ถ้าเป็นบ้านเราก็คงเป็น “ฉ”) ซึ่งก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการเป็นเรื่องของเพศ แต่อาจจะเป็นเรื่องของความรุนแรงและการใช้ภาษาของเกม อย่างเช่นเกม?Bulletstorm หรือ?Assassin’s Creed Brotherhood แต่เชื่อมั้ยครับว่าเกมประเภทนี้กับมียอดขายที่มากมายกว่าเกมประเภทปกติซะอีก…
โดยการจัดเรตติ้งเกมนั้นมีการแบ่งออกเป็น x ระดับ ได้แก่ “eC” หรือ Early Childhood (คือก่อนวัยเยาว์) “E” หรือ Everyone (คือเหมาะกับทุกเพศทุกวัย) “E10+” (คือเกมที่เหมาะทุกเพศทุกวัยแต่ควรจะมีอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป) “T” หรือ Teen (คือวัยรุ่น) และสุดท้ายคือ “M” หรือ Mature (คือวัยเจริญพันธุ์หรือผู้ที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป)
ซึ่งเชื่อกันมั้ยครับว่าจำนวนของเกมในแต่ละเรต เรต E เป็นประเภทของเกมที่มีจำนวนอยู่มากที่สุดในเกมทั้งหมด คือราวร้อยละ 55 ส่วนรองลงมาเป็นเรต E10+ ที่มีอยู่ราวร้อยละ 18 ในขณะที่เกมที่มีเรตติ้งประเภท M มีอยู่น้อยมากเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือตัวเลขยอดขายของเกมสิบอันดับแรกในปีที่ผ่านมา ซึ่ง Ars Technica ได้รายงานไว้ มีถึง 5 ใน 10 ที่เป็นเกมที่มีเรตอยู่ในประเภท “M” ลองไปดู 10 อันดับเกมขายดีในปี 2010 กันดูครับ
- Call of Duty: Black Ops
- Madden NFL 11
- Halo: Reach
- New Super Mario Bros. Wii
- Red Dead Redemption
- Wii Fit Plus
- Just Dance 2
- Call of Duty: Modern Warfare 2
- Assassin’s Creed: Brotherhood
- NBA 2K11
ข้อคิดเห็นของผู้เขียน: รายชื่อที่เป็นตัวหนา คือเกมที่ถูกจัดอยู่ในเรต M แถม 3 ใน 5 ยังเป็นเกมในเรต M อีกด้วย ตัวเลขและอันดับที่นำมาให้ดู สรุปให้เห็นว่าแม้จะมีจำนวนเกมไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นข้อดีเพราะทำให้ตัวเลือกมีน้อย ทำให้แต่ละเกมมียอดขายที่สูงมาก และยังสามารถบอกได้อีกว่าคนที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไปนั้น อาจจะมีกำลังซื้อมากกว่านั่นเอง…
ที่มา: Time