น่าตื่นเต้นมากสำหรับสัญญาณเติบโตของตลาดเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เมื่อบริษัทวิจัย Gartner เชื่อว่ายอดจัดส่งเครื่องพิมพ์ 3 มิติหรือ 3D printer ที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ จะมียอด 56,507 เครื่องในปีนี้ (2013) เรียกว่าเพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว
เครื่องพิมพ์ 3 มิติที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 320,000 บาทนั้นถูกเรียกว่าเป็น Home 3D Printer ที่ไม่ได้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยนอกจากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งในปีนี้ Gartner เชื่อว่ายอดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นเป็น 98,065 เครื่องในปี 2014 โดยในปี 2015 เชื่อว่ายอดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว
คำพยากรณ์ของ Gartner นั้นไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากธุรกิจ 3D printing นั้นเป็นธุรกิจน้องใหม่ที่ถูกคาดว่าจะมีอิทธิพลมากในอนาคต ปัจจุบันเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติทำให้มีธุรกิจอย่างการตั้งตู้ถ่ายภาพที่ลูกค้าจะได้ผลงานภาพพิมพ์ 3 มิติเป็นรูปปั้นจิ๋วที่มีใบหน้าเหมือนจริง หรือรูปแบบธุรกิจใหม่ๆที่ใช้ประโยชน์จากการพิมพ์แบบ 3 มิติที่เหนือกว่ากระดาษทั่วไป
ที่สำคัญ ปัจจัยบวกในธุรกิจเครื่องพิมพ์ 3 มิติ กลไกราคาที่คาดว่าจะทำให้เครื่องพิมพ์มีราคาต่ำลง ขณะที่รูปแบบการสร้างสรรค์งาน 3 มิติแบบ DIY แสนสนุกในบ้านจะเริ่มมีพัฒนาการที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้มีโอกาสสูงที่เครื่องพิมพ์ 3 มิติจะมียอดขายเกิน 100,000 เครื่องในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือปี 2016
อีกจุดที่เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดเครื่องพิมพ์ 3 มิติ คือเครื่องพิมพ์เหล่านี้จะสานฝันนักกิจกรรมที่นิยมงานอดิเรกด้านศิลปะ รวมถึงนักเรียนทั่วไปที่ไม่ต้องการไปต่อคิวใช้เครื่องที่ห้องแลปของโรงเรียน โดยเชื่อว่าในอนาคต เครื่องพิมพ์ 3 มิติจะมีราคาราว 500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,000 บาทได้ไม่ยาก
ทั้งหมดนี้ Gartner สะท้อนว่าเครื่องพิมพ์ 3 มิติจะถูกใช้งานแพร่หลายเหมือนกับที่เครื่องพิมพ์ 2D หรือ 2 มิติเป็นมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคำพยากรณ์ของ Gartner จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ที่มา: Techcrunch