สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2563 (มี.ค.-มิ.ย.) ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ผ่านมาจีดีพีติดลบ 12.2%
โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ปี 2563 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เต็มไตรมาส ซึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ปิดสถานที่ต่างๆ รวมถึงภาคการส่งออกติดลบ 10% การลงทุนลดลง 8% การบริโภคของประชาชนลดลง 6.6%
สำหรับเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกติดลบ 6.9% การลงทุนรวมลดลง 7.2% การลงทุนรวมลงลง 10.2% ขณะที่การลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น 1.2% การส่งออกครึ่งปีแรกลดลง 17.8%
นอกจากนี้สภาพัฒน์ยังปรับประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ลงโดยคาดว่าจะติดลบ7.8 % ถึง -7.3 % โดยมีค่ากลางที่7.5% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง -5% ถึง -6% หรือมีค่ากลางที่ -5.5%
คาดเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจไทยว่า
“เศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ไตรมาส 2/2563 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวลึก และลึกที่สุดในประวัติศาสตร์ เทียบจากไตรมาส 2/2541 ที่จีดีพีติดลบ 12.5% ซึ่งในครั้งนี้ก็คาดว่ามีโอกาสที่จะติดลบมากกว่าระดับดังกล่าว”
“จากมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย โดยมาตรการดังกล่าวมีผลกระทบต่อเครื่องชี้เศรษฐกิจทุกตัว การส่งออก การนำเข้า การลงทุน การบริโภค มีเพียงภาครัฐที่ยังขยายตัวได้”
“โดยจากทิศทางที่ดีขึ้นทำให้มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวน้อยลงเรื่อย ๆ ส่วนจะกลับมาเติบโตปกติก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 คงต้องรอไปถึงปี 2565 ดังนั้นการเห็นเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นน่าจะทำให้สบายใจขึ้นว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ลงต่อ แต่ระยะต่อไปก็ยังมีความท้าทายรออยู่ด้วย”