Site icon Thumbsup

เดินหน้าจับมือ GMM Grammy ต่อ LINE TV มั่นใจปีนี้คอนเทนต์แข็งแรงขึ้น

ยังไปต่อไม่หยุด สำหรับการเดินหน้าจับมือพันธมิตรด้านคอนเทนต์ของ LINE TV ที่ตั้งแต่ต้นปีมา มีความร่วมมือไปแล้วทั้งช่อง 3 ช่องวัน 31 และล่าสุด GMM Grammy เพื่อให้การมีคอนเทนต์ในระบบมากที่สุด เพื่อรองรับพฤติกรรมการรับชมรายการย้อนหลังมีมากขึ้น เพื่อรองรับผู้ใช้งานของไลน์ที่มีกว่า 41 ล้านคน ซึ่ง LINE TV ที่เปิดให้บริการมากว่า 3 ปีโตไม่น้อยกว่า 100% แล้ว

ภาวิต จิตรกร, กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ และอริยะ พนมยงค์

จากพฤติกรรมการรับชม LINE TV ตั้งแต่เปิดให้บริการมานั้น ทุกอย่างมีทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ยอดการดาวน์โหลด 20 ล้านครั้ง ค่าเฉลี่ยการรับชมต่อวันอยู่ที่ 176 นาที คิดเป็น 2 ใน 3 ของการรับชมจากการรับชมผ่านทีวีแบบเดิม ส่งผลให้มีการลงโฆษณามีทิศทางเติบโตมากกว่า 100% ผ่าน 3 คอนเซ็ปต์หลัก คือ FIRST – เป็นเอ็กซ์คลูซีฟทีวีรีรันแห่งแรกก่อนใคร FREE – ชมบริการวีดีโอออนไลน์ฟรีและ Original คือ มีคอนเทนต์เฉพาะที่ดูผ่านไลน์ทีวีเท่านั้น

ซึ่งการต่อสัญญาความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มคอนเทนต์ให้ผู้ชมมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกได้มากขึ้น ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมเพลงในการเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในยุคที่พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป มีการเสพข่าวสาร ความบันเทิง ผ่านโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยทำให้เรื่องของเพลงและตัวศิลปินสามารถเข้าถึงผู้ฟัง ผู้ชมได้ง่ายขึ้น และยังเป็นการสร้างคอมมูนิตี้ของแฟนๆ ทำให้มิติของศิลปินมีความกว้างขึ้น เพราะวันนี้เพลงเป็นมากกว่าเพลง

“LINE TV มี User Base สูงที่สุดในประเทศ มี Watch Time ที่สูงต่อวันและกลุ่มเป้าหมายชัดเจนซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับธุรกิจเพลง คือวัยรุ่นและวัยทำงาน ทำให้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว”

นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีอีกบทบาทที่สำคัญ คือการเป็น Breakthrough Content Providerในการผลิตและขายคอนเทนต์ไปยังตลาดโลก สำหรับคอนเทนต์ของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่จะนำเสนอผ่านแพลตฟอร์ม LINE TV มีด้วยกัน 2 รูปแบบคือ  Artist Content และ Premium Music Content ที่จะออกใหม่ทุกเดือนและอัดแน่นตลอดทั้งปี ซึ่งคอนเทนต์ทั้ง 2 รูปแบบ จะมาจาก ธุรกิจเพลงป็อป, ร็อค, ลูกทุ่ง เสริฟหลากหลายความบันเทิงผ่าน 12 รายการออนไลน์

โดยรายการต่างๆ จะมีศิลปินเป็นตัวนำ  ไม่ว่าจะเป็น รายการ ถ่ายเรี่ยราด เป็นรายการถ่ายรูปที่ได้ศิลปินจาก ‘White Music’ มาท้าศิลปินและนักแสดงคนอื่นๆ , นู๋เปาวลีมี 300 กับภารกิจการใช้เงินสุดหิน, เที่ยวบ้านพี่ไมค์ ที่จะพาไปเรียนรู้เรื่องการทำเกษตร ว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด และ รายการ WHY ALWAYS OAT? อะไรๆ ก็กู กับ ‘โอ๊ต ปราโมทย์’ผู้ชายที่ต่ำตมของศักราชนี้ เป็นต้น

ทางด้านของ Premium Music Content ที่จะส่งตรงถึงผู้ชมผ่านทาง LINE TV ตลอดทั้งปี จะเป็นคอนเทนต์จากศิลปินยอดนิยม อาทิ เป๊ก ผลิตโชค, ป๊อบ ปองกูล, โอ๊ต ปราโมทย์, อะตอม ชนกันต์, JETSET’ER, หมู MUZU, แบงค์ CLASH, นิว-จิ๋ว, PARADOX เป็นต้น รวมทั้งยังเอ็กซ์คลูซีฟมิวสิควิดีโอ ที่จะได้รับชมที่แรกก่อนใคร

อย่างไรก็ตาม การทำ 2 คอนเทนต์ Artist Content และ Premium Music Content ในครั้งนี้ทำให้เกิด 3 โอกาสด้วยกันคือ

1. โอกาสสำหรับศิลปิน ในการสร้างและส่งเสริมภาพลักษณ์ หรือ DNA ใหม่ๆ ให้กว้างขึ้น มากกว่าการเป็นนักร้องหรือวงดนตรี แถมยังช่วยสร้างรายได้จากวินโดว์ใหม่ให้กับศิลปินอีกด้วย

2. โอกาสสำหรับแพลตฟอร์ม ที่จะได้ Broadcast คอนเทนต์ที่ Exclusive และ Unique กว่ามิวสิคโปรดักส์ทั่วไป สามารถขยายกลุ่มเป้าหมาย โดยการ Cross Fan ของศิลปินไปยังแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นและสามารถสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับแพลตฟอร์มได้ด้วยเช่นกัน

3. โอกาสสำหรับผู้ชม ที่จะสามารถรับชมคอนเทนต์ที่มีมิติหลากหลายได้มากขึ้นแบบไม่ได้ยึดติดกับ Format เดิมบวกกับการนำเสนอคอนเทนต์ของศิลปินในมุมที่น่าสนใจเพื่อส่งเสริมให้คนรักศิลปินในมิติที่กว้างขึ้น รวมถึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรับชมคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาช่วงสั้นๆ หรือที่จบในตอน เพราะเทรนด์ของตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ Micro Moment ซึ่งคอนเทนต์ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตอบสนองได้เป็นอย่างดี

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ LINE TV  ได้ประกาศกลยุทธ์ปี 2561 รวมไปถึงไลน์อัพคอนเทนท์ และพันธมิตรหลักไปก่อนหน้านี้ บริษัทจะมุ่งรักษาความเป็นแพลตฟอร์มดูทีวีย้อนหลัง และเพลงก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร

นีลเส็นเคยแถลงผลสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในปีที่ผ่านมา พบว่า คนไทยใช้เวลากับมือถือเฉลี่ย 216 นาที/วัน โดยร้อยละ 94 ของผู้ใช้งาน จะใช้เวลาไปกับการฟังเพลง และร้อยละ 70 ของผู้ที่ฟังเพลงนี้ เป็นการฟังแบบออนไลน์สตรีมมิ่ง เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีต่อเนื่องบริษัทจึงยังเดินหน้าร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ทั้งสองบริษัทไม่ได้ทำงานร่วมกัน เพียงแค่ในส่วนของคอนเทนท์เท่านั้น แต่ยังทำการตลาดร่วมกัน รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมอีกด้วย