Google ออกมายืนยันแล้วว่าจะเพิ่มคุณสมบัติด้านการบล็อกโฆษณาให้กับเบราเซอร์ Chrome และในบางกรณีอาจบล็อกโฆษณาทุกตัวบนเว็บไซต์หากเป็นโฆษณาที่ไม่ได้มาตรฐาน
โดย Fortune รายงานว่า Google อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับ Publishers รายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพูดคุยระหว่าง Publishers ด้วยกันเองว่า โฆษณาประเภทไหนรับได้ โฆษณาประเภทไหนรับไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้มาตรฐานด้านการบล็อกโฆษณานี้ถูกกำหนดโดย Publishers ด้วยกันเองแทนที่จะเป็น Google
สำหรับประเภทของโฆษณาที่อาจจะถูกบล็อกนั้น ตามรายงานของ Fortune ระบุว่ามีหลายประเภท ได้แก่ ป๊อปอัป, วิดีโอแบบออโตเพลย์, และโฆษณาแบบ Pre-stitial หรือก็คือโฆษณาที่บังคับให้ผู้ชมต้องดู และนับเวลาเคาท์ดาวน์ไปเรื่อย ๆ เมื่อหมดเวลาตามที่กำหนดจึงจะได้เห็นคอนเทนต์ในหน้าเพจ ซึ่งในจุดนี้ ต้องบอกว่าโฆษณาหลาย ๆ ชนิดดังที่กล่าวมา เป็นตัวสร้างรายได้ของ Publishers เลยทีเดียว
สิ่งที่น่าสนใจก็คือสถิติจาก StatCounter พบว่า ส่วนแบ่งตลาดเบราเซอร์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น เบราเซอร์ Chrome ของ Google ครองส่วนแบ่งไปกว่าครึ่งตลาดที่ 54% รองลงมาจึงเป็นซาฟารีที่ 14.26% และเบราเซอร์รายย่อยอื่น ๆ
การมีส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งได้ทำให้ Google มีอิทธิพลอย่างมาก ดังนั้น การออกมาประกาศว่าจะเพิ่มคุณสมบัติการบล็อกโฆษณาจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ Publishers ต่าง ๆ รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยนั่นเอง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน พี่เบิ้มอย่าง Microsoft ก็ได้ออกแคมเปญในอังกฤษ โดยพยายามดึงดูดให้ผู้ใช้งานในอังกฤษหันมาใช้เบราเซอร์ Edge ร่วมกับเสิร์ชเอนจิน Bing มาแล้ว โดยใครก็ตามที่ใช้เครื่องมือตามที่ Microsoft ระบุจะได้รับ Rewards และสามารถไปแลกเป็นบัตรของขวัญ หรือบริจาคให้การกุศลก็ยังได้
แต่จากชาร์ตด้านบน เราคงได้เห็นแล้วว่าส่วนแบ่งในตลาดเบราเซอร์ของ Microsoft นั้นอยู่ที่ระดับใด ก็คือ IE อยู่ที่ 4.03% ส่วน Edge นั้นต่ำกว่า IE
แต่ที่ต้องทำใจมากไปกว่านั้นก็คือ ผู้พัฒนาเบราเซอร์รายอื่น ๆ ก็มีคุณสมบัติบล็อกโฆษณาเช่นเดียวกัน เพียงแต่บริษัทเหล่านั้นไม่ได้เป็นบริษัทโฆษณาอย่างที่ Google กำลังเป็นอยู่เท่านั้นเอง
ที่มา: StatCounter, Fortune, Techcrunch