เรียกว่าเจ็บระนาวสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมการค้นหาครั้งล่าสุดของ Google ที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการเปิดเว็บไซต์ของสื่อดังอย่าง Daily Mail และอีกหลายแห่งจนลดฮวบ ขณะที่ the Mirror, the Sun และ HuffPost ยิ้มแฉ่งเพราะได้อานิสงส์จากการปรับครั้งนี้แบบไม่ทันตั้งตัว
Google ชี้แจงเรื่องการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมการค้นหาหรือ search algorithm ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเตือนบริษัท publisher ว่าได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงแล้วในวงกว้าง และการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมครั้งนี้อาจทำให้ publishers สังเกตเห็นปริมาณทราฟฟิกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งที่ Google มั่นใจว่าการปรับเปลี่ยนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
อัปเดทหลักประจำ มิ.ย. 2019
การอัปเดทครั้งนี้ถูกเรียกว่า June 2019 core update สะท้อนชัดเจนถึงฐานะการอัปเดทระบบหลักประจำเดือนมิถุนายน 2019 การเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมใหม่ส่งให้ปริมาณการใช้งานเว็บไซต์ผ่านระบบเสิร์ชเอนจิ้นเกิดความผันผวน หนึ่งในสื่อที่น่าสังเกตว่าจะเป็นผู้รับผลกระทบมากที่สุดคือ Daily Mail ซึ่งรายงานว่าสูญเสียทราฟฟิกจากเสิร์ชเอนจิ้นต่อวันหรือ daily search traffic มากกว่า 50% แถมยังยืนยันว่าการสูญเสียเป็นผลมาจากการอัปเดทนี้แน่นอน
ข่าว Daily Mail สูญทราฟฟิกไปกว่า 50% นี้แดงขึ้นเมื่อมีการสำรวจพบว่าผู้อำนวยการด้าน SEO ของ Daily Mail ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือจาก Google เพื่อแจ้งรายละเอียดภาวะทราฟฟิกลดลงครั้งใหญ่ โดยบล็อก Search Engine Roundtable พบว่าการลดลงของ daily search traffic ทำให้ Daily Mail สูญ discover traffic หรือทราฟฟิกที่ทำให้ผู้อ่านค้นพบ Daily Mail ลงไปอีก 90%
มือ SEO ของ Daily Mail ยังเสริมว่าสถานการณ์ล่าสุดนั้นยังไม่ดีขึ้น พร้อมกับที่รายงานจากเว็บไซต์ Search Engine Land ได้อ้างถึงข้อมูลจากผู้ให้บริการเครื่องมือ SEO Sistrix ซึ่งระบุว่าเว็บไซต์จำนวนมากกำลังถูกเห็นบนเสิร์ชเอนจิ้นลดลง (search visibility) ทั้งสื่ออย่าง Systrix, NFL.com และ Vimeo ซึ่งมี search visibility ลดลงเหมือนกับ Daily Mail
หลายเว็บยิ้มได้
ในเมื่อมีผู้แพ้ก็ต้องมีผู้ชนะ คนที่ยิ้มได้มีตั้งแต่ the Mirror, the Sun และ HuffPost ทั้งหมดรายงานว่ามีตัวเลข search visibility สูงขึ้นชัดเจนในสัปดาห์นี้
การขยายพื้นที่อัปเดท June 2019 core update บนระบบเสิร์ชเอนจิ้นคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปจนอาจมีผลเปลี่ยนแปลงทราฟฟิกบนเว็บไซต์อื่นทั่วโลก ดังนั้น publisher และนักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่จะจับตาเพื่อดูผลกระทบในแง่มุมอื่นจากการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของ Google อย่างใกล้ชิดต่อไป.
ที่มา: : Fastcompany