เกมที่พูดถึงมากที่สุดในช่วงเดือนนี้ก็คงไม่พ้น Flappy Bird เกมที่ทำให้คนหงุดหงิดหัวเสียเพราะการเล่นที่ยากสุดๆ แต่ก็ทำให้คนติดได้งอมแงม จนผู้พัฒนา Dong Nguyen ออกอาการติสท์แตก ดึงเกมออกจาก Store ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ด้วยเหตุว่าเกมนี้ทำให้คนติดแม้จะสร้างรายได้จากโฆษณาได้เป็นกอบเป็นกำก็ตาม เลยมีนักพัฒนาที่อาศัยช่องทางการปิดเกมนี้ ทำเกมที่ออกมาสไตล์เดียวกันกับ Flappy Bird กันออกมาอย่างมากมาย ล่าสุดก็มีข่าวร้ายสำหรับคนที่ทำเกมสไตล์นี้จาก 2 Store ชื่อดังแล้วครับ
ทั้งทาง Google และ Apple เริ่ม Reject เกมที่มีคำว่า Flappy แล้ว โดยเริ่มมีนักพัฒนาเริ่มได้รับข้อความการปฏิเสธการเอาขึ้น Store ด้วยเหตุผลที่บอกว่า “we found your app name attempts to leverage a popular app,” หรือเราเจอชื่อแอปของคุณที่มีคำเหมือนกับแอปที่ฮิตอยู่ โดยเรื่องนี้เปิดเผยโดย Ken Carpenter แห่งบริษัท Mind Juice Media เจ้าของแอป Flappy Dragon
ตา Ken เลยทวีตข้อความเชิงประชดขึ้นมาทันที โดยถามแบบกวนๆ ว่า แอปที่ฮิตอยู่คือแอปอะไร แล้วแอปบน Facebook ไม่โดนบ้างเหรอ?
This is just not my fucking week: Rejected. “We found your app name attempts to leverage a popular app.” Which app? FB doesn’t exist!?!?!
— Ken Carpenter (@MindJuiceMedia) February 15, 2014
ไม่ใช่แค่รายเดียวที่เจอปัญหานี้ เพราะก็มีรายอื่นๆ ที่โดยแบบ Ken เหมือนกัน
@madgarden @wtrebella @kylnew @MindJuiceMedia I think you should resubmit. Besides Ken, I know 3 other devs who just got rejected. :S
— Kuyi Mobile (@kuyimobile) February 15, 2014
สำหรับคนที่ทำแอปแล้วได้ขึ้นไปบน Store แล้ว ก็เริ่มมีการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่ออื่น เพื่อหลบการตรวจสอบย้อนหลังจากทางเจ้าของ Store
กรณีนี้น่าจะเป็นกรณีที่คล้ายกับทาง Instagram เคยออกมาประกาศให้ผู้พัฒนาเตือนผู้พัฒนาแอปเรื่องการใช้ชื่อที่เป็น IG, Insta, Gram แต่ดูแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ แต่ก็ต่างจากกรณีนี้ที่ Store ออกตัว Reject เองเลย
สำหรับทาง Apple และ Google เอง จาก Techcrunch ได้ทำการสอบถามไป แต่ยังอยู่ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เลยยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด แต่ด้วยเหตุผลนี้ก็ถือว่าเกมนี้ถูกยกระดับให้เป็นมาเฟียทีเดียว เพราะสิ่งที่เราเคยเจอเราก็มักจะเห็นเกมหรือแอปที่ใช้ชื่อซ้ำไปมาอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับ Flappy Bird มันไม่ใช่อย่างนั้นหล่ะสิ
รอดูกันครับว่า เมื่อ Google และ Apple ออกมาแถลงแล้วจะออกมาในหน้าไหน
ที่มา: Techcrunch