บทสรุปจากการจัดอันดับ 10 แบรนด์มูลค่าสูงที่สุดแห่งปีนี้ “The 2016 BrandZ” คือแบรนด์อเมริกันยังคงครองพื้นที่ในตารางได้มากที่สุด โดย Google คือแบรนด์อันดับ 1 ที่บริษัท WPP คำนวณมูลค่าแบรนด์จากข้อมูลทางการเงินและการสัมภาษณ์ผู้บริโภคมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลกแล้วพบว่าทำคะแนนสูงที่สุด
Google ถูกประเมินว่ามีมูลค่า Brand ราว 2.29 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ทำให้ครองตำแหน่งแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ BrandZ โดยถือเป็นการทวงคืนแชมป์จากที่ Google เคยได้รับในปี 2007 ถึง 2010 และได้รับอีกครั้งในปี 2014 เพราะอานิสงส์เรื่องโครงการวิจัยล้ำสมัยที่คาดว่าจะทำเงินมหาศาลในอนาคต เช่น รถไร้คนขับ เป็นต้น
Apple คือรองแชมป์ของปีนี้เพราะมูลค่า Brand อยู่ที่ 2.28 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 8% จากปีที่แล้ว ผลจากแนวโน้มขาลงของตลาด iPhone ขณะที่โครงงานวิจัยอื่นก็ยังไม่แจ้งเกิดเป็นรูปร่าง
แบรนด์ที่ครองอันดับ 3 คือ Microsoft มูลค่า Brand คือ 1.22 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นอันดับที่คงที่เป็นปีที่ 2 หลังจากมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นอีก 5% เพราะ Windows 10 ที่เรียกความเชื่อมั่นในตลาดได้อีกครั้งด้วยการรองรับอุปกรณ์หลากหลาย
อันดับ 4 ของตารางคือ AT&T มูลค่า Brand คือ 1.07 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดย AT&T และ Verizon (ครองอันดับ 8) คือ 2 บริษัทโทรคมนาคมอเมริกันที่มีมูลค่า Brand สูงที่สุดในโลก จุดนี้น่าสนใจมากว่าแบรนด์ AT&T มีมูลค่าประเมินเหนือกว่า Facebook ที่ครอบอันดับ 5 ด้วยมูลค่า Brand ราว 1.03 แสนล้านเหรียญ
ปีนี้คือปีแรกที่ Facebook สามารถติดชาร์จ 10 อันดับต้นของ BrandZ หลังจากมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ Facebook จะเป็นเจ้าของ Instagram และ WhatsApp แต่ BrandZ ก็ไม่ได้นำแบรนด์มาคำนวณมูลค่ารวมในการจัดอันดับครั้งนี้
สำหรับอันดับ 6 ของตารางคือ Visa มูลค่า Brand คือ 1.01 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถัดมาเป็นอันดับ 7 คือ Amazon ที่มีมูลค่า Brand ราว 9.9 หมื่นล้านเหรียญ โดยปีนี้ Amazon สามารถติดชาร์จ Top 10 ได้สำเร็จเป็นปีแรกเช่นกัน
นอกจากอันดับ 8 ที่เป็น Verizon อันดับที่ 9 ของตารางคือ McDonald ที่มูลค่า Brand เพิ่มขึ้นเป็น 8.9 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 9% ทำสถิติแซงหน้าอันดับ 10 คือ IBM ที่มามูลค่า Brand ราว 8.6 หมื่นล้านเหรียญ
แบรนด์ IBM มีมูลค่าลดลง 13% ใน 2015 และลดต่อเนื่องอีก 8% ในปี 2016
ที่มา : CNN