อาจเป็นอีกครั้งที่ Google ออกมาเชิญชวนนักโฆษณาให้หันมาสนใจแพลตฟอร์ม YouTube ในการทำการตลาดผลิตภัณฑ์ แทนที่จะทุ่มเงินลงไปในสื่อทีวีที่มีค่าใช้จ่ายแสนแพง โดยในครั้งนี้ได้อ้างงานวิจัยว่า การโฆษณาออนไลน์นั้นสามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า แถมยังมีต้นทุนต่ำกว่าด้วย
เพื่อให้การชักชวนนี้มีน้ำหนักพอจะยั่วใจกลุ่มเป้าหมายอย่างนักการตลาด ทาง Google ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากกรณีศึกษา 56 เคสซึ่งเกิดขึ้นในช่วง ปี ค.ศ. 2013 – 2016 ของแบรนด์ต่าง ๆ ใน 6 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน โดยมีอาณาเขตครอบคลุม 8 ประเทศในยุโรป ผนวกกับการศึกษาวิจัยของทาง Google เอง เปรียบเทียบการใช้เงินเพื่อการโฆษณาระหว่างสื่อทีวีกับสื่อออนไลน์อย่างเช่น YouTube
ในการเผยแพร่ผลการศึกษาดังกล่าวนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Google ระบุว่า YouTube ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการลงทุนในสื่อทีวีถึง 77 เปอร์เซ็นต์ของกรณีศึกษาทั้งหมด
นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า การซื้อสื่อโฆษณาแบบผสมนั้น 80 กว่าเปอร์เซ็นต์พบว่า มีคำแนะนำให้ใช้งบโฆษณาบน YouTube เพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี มีคำถามตามมาเกี่ยวกับความพยายามของ Google ที่มักเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการโฆษณาบนทีวี กับ YouTube อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่ยังมีสื่ออื่นอีกหลายชนิดให้เลือกเปรียบเทียบ โดยนักวิเคราะห์หลายคนกังวลว่าอาจจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างเอเจนซี่ทั้งสองวงการก็เป็นได้ แต่ Debbie Weinstein ผู้อำนวยการด้านแบรนด์โซลูชัน EMEA ของ Google เผยว่า ทั้งหมดนี้เป็นการให้ข้อมูลแก่นักการตลาดเพื่อให้พวกเขาได้วางแผนงบประมาณที่มีอย่างเหมาะสม อีกทั้งเธอยังไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นสงครามการแย่งชิงงบประมาณโฆษณาระหว่างสื่อสองประเภทแต่อย่างใด
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ Google ทำ การเปิดเผยผลการศึกษาด้านความคุ้มค่าในการลงโฆษณาบน YouTube เปรียบเทียบกับงบโฆษณาบนสื่อทีวี เพราะหลายครั้งในอดีต (ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา) Google ก็เคยย้ำกับนักการตลาดว่า ถ้าอยากเข้าถึงกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ ควรโยกงบในการลงโฆษณาบนสื่อทีวีสัก 24 เปอร์เซ็นต์มาใช้บน YouTube
แต่หากพิจารณาจากเม็ดเงินในธุรกิจโฆษณาแล้ว งบโฆษณาบนสื่อทีวีในปี ค.ศ. 2015 นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ 68.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การวิเคราะห์ของ eMarketer ได้มีการคาดการณ์ว่า รายได้สุทธิของ YouTube ในปี ค.ศ. 2015 น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 4.28 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นหากมีการโยกงบของสื่อทีวีมาใช้บน YouTube มากขึ้น อนาคตข้างหน้า ตัวเลขรายได้ของ YouTube ก็อาจสวยงามมากขึ้นด้วยนั่นเอง
ที่มา BusinessInsider