แบรนด์และเอเยนซี่โฆษณาทั่วโลก ต่างพยายามหาวิธีใช้โฆษณาแบบ Search Ads ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การคิดคำโฆษณาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย การหารูปแบบประโยคที่ชวนเชิญให้มีการคลิกดูข้อมูลและสั่งซื้อสินค้า เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การสร้างแคมเปญได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง Google มีการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาใช้ใน Responsive Search Ads เพื่อช่วยในการจับคู่ Headline และ Description ที่ผู้ลงโฆษณาสร้าง มาตอบโจทย์ผู้ค้นหาให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
thumbsup จึงนำ 5 เทคนิคการทำ Search Ads ที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ
- เขียน Headline กระชับและได้ใจความ
วิธีที่ดีที่สุดในการเขียน Headline สำหรับ Responsive Search Ads คือการเขียน Headline สั้นๆ ให้ได้ใจความ เนื่องจากกลไกของ Machine Learning จะนำ Headline ที่ถูกเขียนขึ้นไปประกอบกันให้เกิดรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังค้นหา ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ Headline จำนวน 8-15 แบบที่กระชับ ไม่มีคำซ้ำกัน ได้ใจความ และมีความหมายที่แตกต่างกันเพื่อให้ระบบไปจับคู่หารูปแบบที่ดีที่สุดมาใช้ในการลงโฆษณา โดยสามารถใช้ตารางด้านล่างเป็นแนวคิดเพื่อสื่อสารความน่าสนใจของสิ่งที่ต้องการโฆษณาจากแต่ละมุมมองได้
- เลือกใช้อย่างน้อย 3 คีย์เวิร์ดยอดนิยมลงใน Headline
การใส่คีย์เวิร์ดคำเดียวกับที่ผู้บริโภคใช้ในการค้นหาสินค้าและบริการในโฆษณาจะช่วยดึงความสนใจจากผู้ค้นหาได้ ดังนั้นเพื่อสร้าง Headline ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดบน Responsive Search Ads เราควรศึกษาคำค้นหายอดนิยมจาก search term report หรือ keyword insertion และเลือกใช้คำค้นหายอดนิยมอย่างน้อย 3 คำค้นหามาอยู่ใน Headline
- เลือกใช้คำกระตุ้น Call-To-Action
การใส่คำที่กระตุ้นให้ผู้เห็นโฆษณาได้กระทำบางอย่าง (Call-To-Action) ก็จะยิ่งทำให้ Headline ที่ถูกใช้นั้นมีน้ำหนักยิ่งขึ้นเช่น “โทรมาเลยวันนี้” หรือ “จองตอนนี้” หรือคำกระตุ้นอื่นๆ ที่เราต้องการให้ลูกค้าลงมือทำ
- เพิ่มความสนใจด้วยข้อความสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่น หรือเงื่อนไขพิเศษ
การใส่โปรโมชั่น สิทธิประโยชน์ เงื่อนไขพิเศษต่างๆ หรือจุดเด่นของสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งใน Headline และ Description ของโฆษณาจะช่วยดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่แรกเห็น เช่น ผ่อนฟรีกี่ % กี่เดือน
- ปักหมุดตำแหน่ง Headline และ Description
ด้วยค่าเริ่มต้น (default) เมื่อผู้ลงโฆษณาสร้าง Responsive Search Ads แล้ว Headline และ Description จะปรากฏอยู่ในลำดับใดก็ได้ แต่เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ Headline และ Description ของแต่ละรายการปรากฏที่ใดในโฆษณาได้ด้วยการปักหมุดไว้ที่ตำแหน่งที่ต้องการ
ตัวอย่างเช่น หากผู้ลงโฆษณาต้องการแสดงเงื่อนไขในการบริการในทุกโฆษณา ก็สามารถเขียนและปักหมุด Description นี้ไว้ที่ตำแหน่ง Description 1 ทำให้ข้อความเงื่อนไขนี้จะปรากฏในส่วนแรกของ Description ของโฆษณาทั้งหมดที่แสดงต่อลูกค้า
เราพบว่าผู้ลงโฆษณาที่ใช้เทคนิคเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ Responsive Search Ads ในแคมเปญของพวกเขา ตัวอย่างเช่นเอเจนซี่ชั้นนำอย่าง i-DAC Bangkok ภายใต้เครือ Hakuhodo ที่เห็นยอดคลิกและ Conversion เพิ่มขึ้นในแคมเปญของผู้ลงโฆษณาจากหลากหลายอุตสาหกรรมเราพบว่าผู้ลงโฆษณาที่ใช้เทคนิคเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ Responsive Search Ads ในแคมเปญของพวกเขา
จาก 5 เทคนิคข้างต้น จะเห็นได้ว่ารูปแบบการสร้างโฆษณาผ่าน Responsive Search Ads เป็นการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของผู้ลงโฆษณาและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะเพิ่มศักยภาพในการสื่อสารไปอีกขั้น และนั่นก็จะเป็นกลไกสำคัญที่เปลี่ยนโฆษณาจากเดิมที่ดีอยู่แล้วให้กลายเป็น “ยอดเยี่ยม”