เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา Google ได้อัปเดตผ่านบล็อกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น 2 อย่าง เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ในการค้นหาผ่านมือถือง่ายขึ้น
1.ทำให้การแสดงผลในหน้าจอมือถือดูง่ายขึ้น
2 ปีที่แล้ว Google เคยใส่แถบ mobile-friendly เพื่อบอกผู้ใช้ว่าเว็บไซต์ไหนที่เหมาะกับการอ่านในมือถือ โดยไม่ต้องซูมหรือมีขนาดตัวอักษรที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีเว็บไซต์ถึง 85% ที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว Google จึงตั้งใจจะลบแถบ mobile-friendly ออก แต่ข้อกำหนดที่เว็บไซต์จะต้องอยู่ในรูปแบบ mobile-friendly ยังคงมีอยู่
ทั้งนี้ Google ยังมีเครื่องมือสำหรับวัดความสามารถของการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์คอยตรวจสอบว่าเว็บของตน mobile-friendly แล้วหรือยัง
2. ช่วยให้ผู้ใช้ได้พบคอนเทนต์ที่พวกเขาต้องการ
แม้รูปแบบจะอ่านง่ายแล้ว แต่ Google พบว่ายังมีการแสดงผลบางอย่างที่ไปบังคอนเทนต์ จนทำให้ผู้ใช้สับสนเพราะพวกเขาคาดหวังว่าพอเปิดมาก็น่าจะพบกับคอนเทนต์ที่เขาค้นหาจริงๆ ซึ่งสิ่งรบกวนเหล่านี้ทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้มือถือแย่ลงไปอีก เนื่องจากขนาดของหน้าจอที่เล็กกว่าบนเดสก์ท็อป ดังนั้น ในปี 2017 ถ้าเพจไหนยังไม่ปรับปรุง ผลการแสดงอันดับในการค้นหาก็จะลดลง
จากรูปด้านบน Google ได้ยกตัวอย่างสิ่งที่จะทำให้คอนเทนต์อ่านยากขึ้นได้แก่
- พวก pop-up ต่างๆ ที่เด้งขึ้นมาบังคอนเทนต์ ไม่ว่าจะขึ้นมาทันที หรือขึ้นระหว่างที่ผู้ใช้กำลังอ่านเนื้อหาอยู่
- พวกดิสเพลย์ที่เด้งขึ้นมาปิดคอนเทนต์ และบังคับให้ผู้ใช้ต้องกดปิดก่อน ถึงจะอ่านคอนเทนต์ได้
ขณะเดียวกัน Google ก็ได้ให้ข้อยกเว้นในบางกรณี ตามรูปด้านบน เช่น
- พวกการขออนุญาตที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เช่น การขออนุญาตเก็บ cookies หรือการตรวจสอบอายุของผู้ใช้
- หน้า log-in เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ ยกตัวอย่างบางเว็บไซต์ที่มีการจำกัดพรีเมียมคอนเทนต์ให้กับสมาชิกเพียงบางคน จึงต้องมีการ log-in เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์
- แบนเนอร์ที่มีขนาดเหมาะสม และสามารถปิดไปได้ง่าย
ทั้งนี้ Google บอกว่าสัญญาณต่างๆ ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงหนึ่งในร้อยของข้อกำหนดทั้งหมดในการจัดลำดับ ส่วนการทำคอนเทนต์ให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหายังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เหมือนเดิม หรือถ้าใครมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจาก Google ได้โดยตรง
ที่มา : Google Webmaster Central Blog