ทุกวันนี้ ต้องบอกว่าโลกอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยข้อมูลทางการเงินและการลงทุน ซึ่งก็สอดคล้องกับผลการวิจัยจาก Google และ TNS ที่ออกมาบอกว่า ทิศทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารกันแล้วอย่างเต็มตัว โดยปัจจัยสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบายเป็นอันดับต้น ๆ
โดยผู้บริโภคในยุคนี้ได้เปลี่ยนจากการทำธุรกรรมทางการเงินที่สาขาของธนาคาร มาเป็นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลกันมากขึ้น ทำให้ธนาคารต้องวางแผนสร้างประสบการณ์ผ่านช่องทางที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้า
นอกจากนั้น ในงานวิจัยหัวข้อ Path to Purchase ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Google และ TNS ซึ่งได้สัมภาษณ์ผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจำนวนทั้งสิ้น 1,000 ราย ทั้งเพศชายและเพศหญิง อายุระหว่าง 18 – 60 ปี พบว่า สำหรับคนไทย วัตถุประสงค์หลักของการเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้นมี 2 ข้อคือ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ เช่น บัตรเครดิตต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคมองว่าช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น และเพื่อความมั่นคงในอนาคต เช่น การลงทุนต่าง ๆ การซื้อประกัน โดยผู้บริโภคยุคนี้ 9 ใน 10 ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ทางการเงินออนไลน์ผ่านทางสมาร์ทโฟนเป็นหลัก และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น โดยกว่าครึ่งกล่าวว่าสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่สะดวกที่สุดสำหรับการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ทั้งนี้ แหล่งข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นที่นิยมของคนไทยมี 3 แหล่งหลัก ได้แก่ เว็บไซต์ของผู้ให้บริการทางการเงิน (42%) เสิร์ชเอนจิน (38%) และเว็บไซต์เปรียบเทียบ (35%) ซึ่ง 81% ของลูกค้ามีการเปรียบเทียบแบรนด์เพื่อค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อด้วย และ 3 ใน 5 ของคนไทยค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านทางสื่อออนไลน์เช่นกัน
โดยสำหรับบัตรเครดิต สิ่งที่ลูกค้าคำนึงถึงเป็นลำดับแรก ๆ คือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ขณะที่การออมทรัพย์ ลูกค้าจะมองไปที่คุณภาพและประสิทธิภาพเป็นลำดับแรก
หากเป็นเรื่องของการลงทุน สิ่งที่นักการตลาดควรเน้นก็คือ ผลลัพธ์หรือผลตอบแทนที่ผ่านมาของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ และสุดท้ายกลุ่มประกัน/เงินกู้ ลูกค้าจะมองไปที่คุณภาพและประสิทธิภาพก่อน
อย่างไรก็ดี รูปแบบการทำธุรกรรมส่วนใหญ่ยังคงเป็นแบบออฟไลน์ ขณะที่แบบออนไลน์ก็กำลังเพิ่มมากขึ้น โดยคนไทยมากกว่า 1 ใน 3 (34%) สมัครการลงทุนออนไลน์ และมากกว่า 1 ใน 4 (28%) สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าช่องทางออนไลน์มีบทบาทสำคัญ กว่าครึ่งกล่าวว่าระบบออนไลน์ช่วย “ประหยัดเวลา” และเกือบ 4 ใน 10 คนกล่าวว่าความสะดวกเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งเทรนด์ดังที่กล่าวมาอาจพิจารณาเพิ่มเติมได้จาก Infographic นี้