เพื่อปลุกกระแสให้ผู้ใช้บอกต่อ Google จึงแจ้งเกิดโครงการ Google Apps Referral Program ที่เสนอให้ผู้ใช้ลงมือชักชวนเพื่อนฝูงคนรู้จักให้หันมาสมัครบริการชุดโปรแกรมออนไลน์ Google Apps แบบเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหากใครทำสำเร็จ จะได้รับเงินโบนัส 15 เหรียญสหรัฐต่อคนเป็นการตอบแทน
Google ประกาศเปิดโครงการ Google Apps Referral Program นี้ในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐฯ จุดประสงค์คือการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้บริการชุดแอปพลิเคชันออนไลน์สำหรับการทำงานร่วมกันจากระยะไกลอย่าง Google Apps โดยรายละเอียดการมอบเงิน 15 เหรียญสหรัฐฯ แก่ผู้ใช้ที่สามารถชักจูงเพื่อนมาสมัครใช้งาน Google Apps ได้สำเร็จต่อ 1 คนนั้นถูกประกาศไว้ในเว็บล็อค Google Enterprise Blog ของเจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้น
สิ่งที่ทำให้โครงการ Google Apps Referral Program เกิดขึ้นคือพันธกิจใหม่ของ Google ในการใช้พลังของ word-of-mouth referral หรือการแนะนำแบบปากต่อปาก ซึ่ง Google เชื่อว่าจะทำให้ผู้ใช้รายใหม่รับฟังคำแนะนำข้อดีและประโยชน์ของ Google Apps จากเพื่อนในเครือข่ายได้อย่างสนิทใจ เรียกว่าประสบการณ์ตรงของเพื่อนย่อมเหนือกว่าคำโฆษณาใดๆ
ข้อมูลจากสำนักข่าว TechCrunch ระบุว่าขณะนี้ชุดแอปพลิเคชัน Google Apps ถูกใช้งานในบริษัทห้างร้านกว่า 5 ล้านราย โดยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชันอีเมล Gmail, ปฏิทินงาน Google Calendar, บริการฝากไฟล์ Google Drive, บริการซอฟต์แวร์สร้างเอกสาร Google Docs, Sheets และ Slides รวมถึงบริการอื่นๆ
แม้ในช่วงแรกเว็บไซต์แสดงรายละเอียดโครงการ Google Apps Referral Program จะแสดงผลไม่ได้ (แสดงข้อความ 404 error message) แต่ล่าสุดเว็บไซต์สามารถเปิดให้บริการแล้ว โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถกรอกหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและรายละเอียดบัญชีธนาคาร เพื่อรับเงินส่วนแบ่งจากการแนะนำเพื่อนในโครงการนี้ ซึ่งผู้ร่วมโครงการทุกคนจะได้รับลิงก์เฉพาะของแต่ละคนสำหรับใช้ในการแชร์ข้อมูลแก่เพื่อนทางอีเมล ตามรูปแบบที่ Google จัดเตรียมไว้ให้
เงื่อนไขที่ Google กำหนดไว้สำหรับโครงการนี้คือผู้ใช้รายใหม่ที่ถูกแนะนำจะต้องตกลงชำระค่าบริการ Google Apps นานอย่างน้อย 4 เดือน (120 วัน) ขณะที่ผู้ใช้รายใหม่เหล่านี้จะได้รับข้อเสนอลดราคา 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคนเมื่อใช้บริการในปีแรก ซึ่งทั้งหมดนี้จะจำกัดเฉพาะผู้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น โดยยังไม่มีกำหนดขยายโครงการสู่พื้นที่ประเทศอื่นในขณะนี้
อย่างว่าแหละครับ ของฟรีไม่มีในโลก ถึงเวลาที่คุณจะต้องจ่ายกับบริการออนไลน์กันแล้ว
ที่มา: TechCrunch