Gottimize เปิดเวทีแนะ 4 เทรนด์มาแรงในอุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน คาดปี 2017 ตลาดโฆษณาออนไลน์จะเติบโต 25% จากมูลค่า 9,800 ล้านบาทสู่ 12,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการที่องค์กรธุรกิจต่าง ๆ หันมาพัฒนา Mobile Application กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อรองรับกับพฤติกรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA พบว่าในปี 2559 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมากถึง 85.5% และมีการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 6.2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากปี 2558 ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน 82.1% และมีจำนวนชั่วโมงการใช้งานเฉลี่ย 5.7 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทิศทางดังกล่าวถือเป็นแรงส่งสำคัญให้ตลาด Mobile Application ของไทยมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ และกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังสำหรับหลาย ๆ ธุรกิจ
คุณภคศุภ เพ็ชรดี ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล มีเดีย บริษัท ก็อตติไมซ์ จำกัด (Gottimize) เผยว่า จากเทรนด์ของตลาด Mobile Application ที่มาแรงนี้ ในฐานะที่ Gottimize มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ากลุ่ม Mobile Application มายาวนาน เราจึงมีภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงในการทำตลาด Mobile Application ที่สรุปได้เป็น 4 ข้อนั่นคือ
- ผู้บริโภคในยุคนี้เปลี่ยนมาเสพสื่อผ่านทางสมาร์ทโฟนแล้วอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต้องปรับตัวตามให้ทัน
- ผู้บริโภคจะเลือกแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์ต่อตัวเองเท่านั้น เพราะพื้นที่ในสมาร์ทโฟนมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้โอกาสที่แอปพลิเคชันจะถูกถอดออกจากระบบก็มีเพิ่มมาขึ้นเช่นกน
- ปริมาณข้อมูลจะมีมากจนผู้บริโภคดูไม่ทัน
- เทคโนโลยีจะฉลาดมากขึ้น งานบางอย่าง Application จะเข้ามารับผิดชอบแทนมนุษย์
“ในปี 2017 จะมีแอปพลิเคชันเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ใช้มีตัวเลือกที่หลากหลาย แต่พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลในมือถือของผู้ใช้งานมีจำกัด ดังนั้นการโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการแอปพลิเคชันที่ต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยต้องผ่านการวิเคราะห์กลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชันก่อนลงโฆษณา รวมถึงการมีเทคโนโลยีในการช่วยให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันกลับมาใช้งานซ้ำอีกครั้ง”
นอกจากนั้นยังพบว่า ลูกค้าจะเลือกใช้เงินลงโฆษณาในสื่อกลุ่ม Mobile-Base มากขึ้น และจะไม่ทำโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างเดียว แต่ต้องวัดมูลค่าความสำเร็จเป็นเม็ดเงินที่ตอบกลับได้ รวมถึงจะมีเครื่องมือใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยในการบริหารโฆษณาออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ เข้าถึงกลุ่มคนใช้มากขึ้นนั่นเอง
ซึ่งจากภาพรวมของตลาด Mobile Application นี้ การจะประสบความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรมนั้นจึงต้องประกอบด้วยสามส่วนหลัก ๆ นั่นคือ Stretegy, Creative และ Measurement ในจุดนี้คุณนานา – กรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลได้ให้ทัศนะว่า
“การบรรลุเป้าหมายธุรกิจ หรือ Performance คือหัวใจหลักมากกว่าการทำโฆษณาเพื่อสร้างแค่การรับรู้ แบรนด์ (Brand awareness) เหมือนแต่ก่อน แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ Gottimize จะดูแลแคมเปญของลูกค้าด้วยความใส่ใจ จริงใจ เหมือนเป็นแคมเปญของตัวเอง เพราะเชื่อว่าแคมเปญที่ประสบความสำเร็จของลูกค้า คือความสำเร็จของ Gottimize ด้วย ยิ่งในยุคนี้เราสามารถวัดผลลัพธ์จากข้อมูลได้ ยิ่งทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์จากการลงโฆษณาที่แม่นยำมากขึ้น
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Gottimize จะโฟกัสไปในกลุ่มที่ทำตลาดผ่านโมบายและการมุ่งเน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก โดยที่ผ่านมา มีลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจมากกว่า100 ราย ในกลุ่ม Consumer Product, Insurance, Mobile Application และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
สำหรับ Gottimize นั้น ก่อตั้งในปี 2558 ในฐานะเอเจนซีโฆษณา ที่วางแผนการซื้อสื่อในสังคมออนไลน์ให้กับลูกค้า และได้รับการคัดสรรจาก Google จนได้เป็น Google Premier Partner อีกทั้งยังมีการจับมือกับ Yello Mobile ยักษ์ใหญ่วงการสื่อดิจิตอลของเอเชีย เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการอย่างแท้จริง และสามารถจัดการการโฆษณาผ่าน Social Media ได้ในหลายมิติ สามารถวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และรูปแบบแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
โดยในปี 2017 Gottimize ตั้งเป้าโตเพิ่มขึ้น 100% คิดเป็นมูลค่า 220 ล้านบาท จากปี 2016 ที่อยู่ที่ 110 ล้านบาท และเตรียมขยายฐานลูกค้าที่เน้นการบรรลุเป้าหมายธุรกิจเป็นหลัก