แม้ว่า Grabfood จะเปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการเพียงสองปี แต่ในช่วงโควิด-19 บริการย่อยของ GRAB นี้ กลับช่วยให้มีภาพรวมการเติบโตที่ดีขึ้น ทางด้านตัวเลขการเติบโตนั้น แบ่งเป็น จำนวนดาวน์โหลดแตะ 14 ล้านดาวน์โหลด มีร้านค้ารายย่อยใหม่เพิ่มขึ้นในระบบเป็น 8 หมื่นร้านค้า และทีมแกร็บยังเชื่อว่ายังมีโอกาสที่ดีในการเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะช้าลงกว่าช่วงก่อนหน้านี้
คุณจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า จังหวะที่แกร็บฟู้ดเข้ามาให้บริการในไทยเมื่อ 2 ปีก่อนนั้นถือว่าเป็นจังหวะที่ดีและทำให้เรามีการเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่ปีแรก
แม้ว่าประเทศไทยและทั่วโลกต้องประสบปัญหาด้านโควิด-19 ทำให้บริการคาร์มีผู้ใช้งานลดลงมาก แต่บริการที่เกี่ยวข้องกับเดลิเวอรี่กลับมีตัวเลขที่ดีขึ้น อาจเพราะคนไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ก็เลยมีการใช้บริการด้านอาหารและขนส่งสินค้าเยอะขึ้น
ทำให้ช่วงโควิด-19 มีร้านค้าสมัครใหม่เพิ่ม 2.5 เท่า จำนวนร้านค้าในระบบมีกว่า 8 หมื่นร้านค้า ยอดดาวน์โหลดอยู่ที่ 14 ล้านดาวน์โหลด ในตัวเลขนี้เป็นตัวเลขผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่งผลให้ผลประกอบการในส่วนของ GrabFood ช่วงครึ่งปีแรกโตขึ้นเท่าตัว
นอกจากนี้ การจัดแคมเปญ Free Your Hunger ที่เรียกได้ว่าเป็นแคมเปญใหญ่ของปีนี้ โดยเจาะกลุ่มนักศึกษา พนักงานออฟฟิศและแม่บ้าน โดยจากการเก็บข้อมูลพบว่าคนกลุ่มนี้ยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของฐานลูกค้าที่ใช้งานเยอะที่สุด คือช่วงอายุ 20-39 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายร้านค้าเพิ่มในระบบ 2 เท่า โดยจะขยายจากกลุ่มร้านอาหารที่มีแต่ในกรุงเทพและ 35 จังหวัด ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดมากขึ้น และยังตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าด้วย
“ตอนนี้สถานการณ์คงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ตัวเลขการเติบโตอาจไม่ได้เร็วเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ที่ทั่วโลกเจอภาวะออกจากบ้านไม่ได้ แต่เราก็ยังพยายามที่จะทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักยังคงใช้งานเราอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ยังตั้งเป้าจะเพิ่มแกร็บคิทเช่นในปีนี้ให้เป็น 5 แห่ง จากตอนนี้ที่มีอยู่ 3 แห่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและลดปัญหาข้อจำกัดต่างๆ เพราะการแข่งขันสำคัญในธุรกิจเดลิเวอรี่ นอกจากเรื่องของจำนวนร้านอาหารที่หลากหลาย ราคาและโปรโมชั่นแล้ว ยังต้องลดช่องว่างในการเข้าถึงเมนูอาหารใหม่ๆ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่แห่งใดก็ตาม