ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่เลยทีเดียว สำหรับ GroupM ที่ออกมาประกาศตั้งเอเจนซีแบรนด์ใหม่ล่าสุดแล้วในชื่อ “Wavemaker” ภายใต้การรวมตัวกันของสองมีเดียเอเจนซีอย่าง MEC และ Maxus โดยมีรายงานว่าชื่อ Wavemaker นั้นมาจาก Group”M” และ “W”PP นั่นเอง
สำหรับแม่ทัพที่เข้ามาดูแลการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ Tim Castree ซีอีโอระดับโกลบอลของ MEC โดย Castree เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แทนที่ Charles Courtier ที่ก้าวลงจากตำแหน่่งดังกล่าวหลังจากดูแลมานาน 14 ปี
สำหรับตำแหน่งก่อนหน้าของ Tim Castree นั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของบริษัทเทคโนโลยีด้านโฆษณา Videology ในอเมริกาเหนือ รวมถึงเป็น COO ของ Mediavest จาก Publicis และดำรงตำแหน่ง Global MD ของ Starcom Mediavest Group ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ Kelly Clark ในฐานะซีอีโอระดับโกลบอลของ GroupM ได้เคยกล่าวถึง Castree ว่าเป็นผู้นำที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านวิสัยทัศน์และความเข้าใจลูกค้าว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งความสามารถนี้เองที่จะทำให้ลูกค้าของบริษัทได้รับชัยชนะในการแข่งขันในตลาดเหนือแบรนด์อื่น ๆ รวมถึงช่วยให้ MEC เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเมื่อ Castree เข้ามารับบทผู้นำของ Wavemaker เขาก็เชื่อว่า Castree จะทำให้ Wavemaker กลายเป็นเอเจนซีที่โดดเด่นและทรงพลัง พร้อมกันนี้ก็กล่าวยืนยันว่าทีมจาก GroupM จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ด้าน Tim Castree ในฐานะซีอีโอระดับโกลบอลของ MEC และ Wavemaker กล่าวว่า “จุดประสงค์ของเราคือการช่วยให้ลูกค้าและนักการตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานและสามารถต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการบูรณาการความชำนาญที่เปี่ยมไปด้วยพลังของทีมงาน รวมถึงข้อมูลการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกและเครื่องมือจาก [m]PLATFORM ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับโลกที่มีเฉพาะกรุ๊ปเอ็มในการเข้าถึงผู้บริโภค”
อย่างไรก็ดี ในการรวมตัวกันครั้งนี้จะมีตำแหน่งซีเนียร์บางตำแหน่งหายไปด้วย
ทั้งนี้คาดว่าการรวมกิจการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2018 ซึ่งหลังจากเดือนมกราคม 2018 ผ่านพ้นไป Wavemaker จะเป็นเอเจนซีรายใหญ่ที่ถือครองรายได้จากสื่อ 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีออฟฟิศ 139 แห่งใน 90 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 8,500 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลกว่า 2,900 คน, ผู้เชี่ยวชาญการเขียนคอนเทนต์กว่า 750 คน, ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลกว่า 400 คน และผู้เชี่ยวชาญเรื่องแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีกว่า 200 คน โดยมีลูกค้าหลัก ได้แก่ L’Oreal, Vodafone, Marriott, Colgate-Palmolive และ Paramount
ที่มา: Campaignlive, Bestmediainfo,