บริษัทดีลรายวันอันดับ 1 ของโลก Groupon ยิ้มเฉ่งรับมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น 15% ทันทีหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2013 โดยสามารถทำรายรับเกินเป้าหมายที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่ตลาดซึ่ง Groupon เติบโตสูงสุดคือพื้นที่อเมริกาเหนือ
ที่ผ่านมาบริการดีลรายวันหรือ daily deal ซึ่งจะเปิดให้ชาวออนไลน์เข้ามาซื้อดีลหรือคูปองส่วนลดบริการพิเศษไม่ซ้ำกันในแต่ละวันนั้นถูกเพ่งเล็งมานานว่าจะถึงทางตัน เนื่องจากร้านค้าเริ่มไม่เชื่อมั่นว่าจะได้ประโยชน์คุ้มค่ากับส่วนลดที่เสนอให้ผู้บริโภค ขณะที่ผู้บริโภคก็เริ่มมองว่าไม่ได้รับบริการที่ดีจากการนำคูปองส่วนลดที่ซื้อมาไปใช้งาน อย่างไรก็ตาม Groupon พิสูจน์ตัวเองได้แล้วอีก 1 ไตรมาสว่าสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ และยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดีในหลายพื้นที่
Groupon ระบุว่าตลอดเดือนมกราคม-มีนาคม บริษัทสามารถทำรายได้รวม 601 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรเฉลี่ย 0.03 เหรียญต่อหุ้น ถือว่าเหนือกว่าตัวเลข 589 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ Wall Street คาดไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือพื้นที่ซึ่งรายได้ของ Groupon เติบโตมากที่สุดคืออเมริกาเหนือ หลายประเทศในพื้นที่นี้สามารถทำเงินให้ Groupon เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยภาพรวมของตลาดต่างประเทศ (นอกสหรัฐฯ) Groupon ระบุว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 18%
Eric Lefkofsky ประธานและซีอีโอร่วมของ Groupon กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาว่าเป็นไตรมาสที่มีสัญญาณการเติบโตดีในแง่ของสัดส่วนกำไรหรือ margin ในการดำเนินงาน รวมถึงการเติบโตในธุรกิจท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ซึ่งทำให้ Groupon มีผลประกอบการที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
การประกาศครั้งนี้เป็นเหมือนน้ำฝนชะโลมใจ เพราะนับตั้งแต่ Groupon สั่งปลดอดีตซีอีโอ Andrew Mason เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หุ้นของ Groupon ดิ่งลงถึงระดับ 4.50 เหรียญต่อหุ้น จนขึ้นลงระหว่าง 5.59-6 เหรียญในช่วงหลังการประกาศ ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ Groupon เปิดขายที่ 20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น ล่าสุด ผลประกอบการที่พิสูจน์ได้ว่าตลาดของ Groupon ในพื้นที่นอกสหรัฐฯกำลังเติบโต และการสรรหาผู้นั่งเก้าอี้ซีอีโอที่มีความเสถียร ล้วนสามารถเรียกความมั่นใจมาให้นักลงทุนได้อย่างชัดเจน
ที่มา: Mashable