เจ้าพ่อธุรกิจดีลรายวัน “Groupon” ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดว่าสามารถทำรายรับเหนือกว่าที่คาดการณ์จนกลับมามีกำไรอีกครั้ง ปรากฏว่าแม้ตัวเลขเหล่านี้จะแสดงว่า Groupon สามารถพลิกวิกฤติธุรกิจดีลตกต่ำที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้สำเร็จ แต่นักลงทุนกลับไม่เห็นด้วยจนหุ้นของ Groupon มีมูลค่าลดลงต่อเนื่อง
Groupon นั้นเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีในนามผู้ให้บริการดีลส่วนลดรายวันรายใหญ่ของโลก ล่าสุด Groupon ประกาศว่าสามารถทำรายรับมากกว่า 925 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.96 หมื่นล้านบาท) ทำให้มีกำไรขั้นต้น 0.06 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น ทั้งหมดนี้เหนือกว่าคำพยากรณ์ของนักวิเคราะห์ที่มองว่า Groupon จะมีรายรับเพียง 908 ล้านเหรียญสหรัฐบนกำไร 0.01 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น
การประกาศนี้ไม่ได้ทำให้มูลค่าหุ้นของ Groupon ขยับขึ้น แต่กลับมีมูลค่าลดลงอีก 2% โดยเป็นการลดลงที่ต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่ต้นปี 2014)
มูลค่าหุ้น Groupon ที่ลดลงสะท้อนว่านักลงทุนไม่เชื่อมั่นกับการเติบโตของ Groupon ที่ผ่านมา Groupon ได้รับผลกระทบจากการเสื่อมความนิยมของบริการดีลส่วนลดรายวัน จนทำให้บริษัทพยายามเบนเข็มไปหาธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากการขายดีลให้ผู้บริโภค เช่นการลงทุนพัฒนาระบบชำระเงินผ่านอุปกรณ์พกพา (mobile payment) และระบบจองร้านอาหาร รวมถึงระบบจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และบัตรคอนเสิร์ต
ผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ Groupon สามารถขายดีลได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยเป็นดีลส่วนลดสำหรับสินค้าและบริการในท้องถิ่นหรือ local deal จุดนี้ทำให้ซีอีโอ Erik Lefkofsky ยืนยันว่าธุรกิจดีลที่กลับมาเติบโตอีกครั้งจะทำให้ Groupon แข็งแกร่งมากขึ้นในปีนี้
ซีอีโอ Groupon ระบุว่าปี 2015 บริษัทจะเริ่มให้บริการเครื่องมือชำระเงินและเครื่องมือการตลาดกับผู้ค้า เพื่อผลักดันให้เกิดการซื้อขายจากกลุ่มชาวออนไลน์มากขึ้น โดยจะขยายผลจากที่บริษัทมีการใช้เทคโนโลยี beacon ในการส่งข้อมูลดีลถึงผู้ใช้อุปกรณ์พกพาที่อยู่ใกล้บริเวณร้าน มาเป็นการเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้ง่ายกว่าเดิม
นอกจากนี้ Groupon ยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นด้วย โดยเฉพาะประเทศกลุ่มเอเชียที่จะเป็นตลาดหลักสำหรับหน่วยธุรกิจที่ Groupon เพิ่งซื้อกิจการไปอย่างเว็บไซต์จองตั๋วคอนเสิร์ตและบัตรร่วมงานต่างๆ Ticket Monster สัญชาติเกาหลีใต้
ในภาพรวมทั้งปี Groupon ประเมินว่าบริษัทสามารถทำเงินได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 25% เมื่อเทียบสถิติปี 2014 และปี 2015 ซึ่งเป็นสัดส่วนการเติบโตที่คงที่จากปีที่ผ่านมา
ที่มา : VentureBeat