การเติบโตในสายงานถือเป็นฝันของใครหลายคน สำหรับปี 2019 แนวทางในการปฏิบัติตัวเพื่อให้ถูกโปรโมทในตำแหน่งงานที่สูงขึ้นนั้นไม่ยากและไม่ง่าย แต่ก่อนอื่นคือทุกคนต้องรู้ให้ได้ว่าเป้าหมายสูงสุดของบริษัทคืออะไร ซึ่งจะทำให้การเรียงลำดับความสำคัญและวัฒนธรรมองค์กรสามารถเกิดขึ้นได้อย่างเห็นภาพ
การเติบโตในสายงานคือหนทางขยายความรู้ในสิ่งใหม่ หากไม่มองแต่ภาระที่เพิ่มขึ้น การเติบโตนี้จะช่วยพิสูจน์คุณค่าของตัวเองได้ การเริ่มต้นก้าวขึ้นบันไดสู่การเติบโตในสายงานนั้นสามารถเริ่มได้ที่การสร้างเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายความสัมพันธ์อันดีกับทุกคน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เคล็ดลับที่นักข่าว FastCompany เชื่อมั่นว่าจะได้ผลจริง
1. เครือข่ายมั่นคง มีชัยไปกว่าครึ่ง
ไม่ใช่แค่ชีวิตส่วนตัว แต่มนุษยสัมพันธ์ที่ดีถือเป็นส่วนสำคัญของอาชีพการทำงานด้วย ไม่ว่าจะนายจ้างปัจจุบัน หรืออดีตนายจ้าง ลูกค้า เพื่อน และผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนสามารถรับรู้คุณภาพการทำงานของเราได้ ดังนั้นการสร้างรากฐาน professional connections ที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเรียนรู้จากคนทุกระดับอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นนี้ LinkedIn สามารถตอบโจทย์ได้อีกทาง เรียกว่าใครที่ยังไม่ได้สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ขอให้ใช้ปี 2019 เป็นปีเริ่มต้นกรอกทักษะและสร้างโปรไฟล์ของตัวเองลงไป จากนั้นจึงขยายไปชื่นชมการทำงานของเพื่อน แล้วขอให้เพื่อนชื่นชมกลับบ้าง นอกจากนี้การรีวิวแง่บวกจากลูกค้า ก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือบน LinkedIn ได้ดี
2. ตั้งเป้าหมาย
การปล่อยเวลาทำงานไปวันๆนั้นไม่ท้าทายเลย ปีนี้ลองเปลี่ยนตัวเองเป็นคนเชิงรุก แล้วกำหนดเป้าหมายสำหรับอาชีพแบบไม่ต้องยากเกินไป และค่อยๆเพิ่มเป้าหมายใหม่ลงไปทุกๆปี
ถามว่าควรตั้งเป้าอะไร คำตอบคือให้ลองไปค้นหา passion หรือความปรารถนาของเราเอง แล้วเชื่อมโยงกับใครก็ได้ที่สามารถแชร์ความทะเยอทะยานของเราได้ การแชร์กับคนอื่นจะช่วยให้เรามีเครือข่ายที่ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจะยกระดับความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่มีในมือ
3. ออกจากโซนสบาย
การมองหาโอกาสลองงานใหม่ และก้าวออกนอกเขตงานสบายถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทางที่เริ่มต้นง่ายที่สุดคือการเรียนหรือการฝึกอบรมสิ่งที่ตัวเองสนใจในสายงาน ซึ่งหลายบริษัทอาจจะมีหลักสูตรสนับสนุนอยู่แล้ว
เหนืออื่นใด ขอให้มองภาระหรืองานที่เพิ่มขึ้นว่าจะช่วยเพิ่มทักษะที่ทำให้เราต่างจากเดิม แถมยังช่วยให้เข้าใจถึงความคาดหวังและงานประจำวันที่เกี่ยวข้องกับสายงานอื่นหรือแผนกอื่นด้วย
4. หาโค้ช
โค้ชหรือผู้ให้คำปรึกษาอาจเป็นบุคคลที่อยู่ในหรือนอกองค์กรก็ได้ แต่ทุกคนควรเป็นที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ซึ่งจะช่วยนำทางเราไปสู่ขั้นต่อไปของอาชีพ
การหาโค้ชที่ดี ควรเลือกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเรา และเป็นคนที่สนใจติดตามการเติบโตของเรา แน่นอนว่าโค้ชสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งคน แต่ขอให้เป็นคนที่สามารถช่วยให้เราพัฒนาทักษะส่วนตัวและวิชาชีพได้ เช่น คนที่รับหน้าที่งานที่เราสนใจอยู่แล้ว หรือคนที่สามารถสนับสนุนการพัฒนาทางอาชีพของเราได้
ถ้าหาโค้ชได้แล้วก็ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอ และควรมองการ “ติเพื่อก่อ” ว่าเป็นสิ่งที่ดี การเปิดใจรับฟังข้อชี้แนะของโค้ชอาจส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว และอาจช่วยให้เราพบพรสวรรค์ในตัวที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน
5. ก้าวกระโดด
แน่นอนว่าการเติบโตในงาน ไม่ใช่อาหารสำเร็จรูปที่เข้าไมโครเวฟแล้วรอได้เลย เราอาจต้องก้าวกระโดดออกไปค้นหา พร้อมกับถามตัวเองว่าได้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพแล้วหรือยัง? ซึ่งหากพบว่าใช่ ก็แปลว่าถึงเวลาที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปในอาชีพที่ทำอยู่
หากใครได้รับการโยกย้ายไปสู่ตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น สิ่งที่ควรพูดคุยกับหัวหน้าเกี่ยวกับตำแหน่งใหม่ คือการขอเครื่องมือที่ต้องการ เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ซึ่งจะส่งให้เรามีโอกาสเติบโตและท้าทายตัวเองในการก้าวไปสู่ state ต่อไปในปีต่อไปด้วย
ที่มา: : FastCompany