ต้องบอกว่าข่าวนี้คืออีกมุมมองของการตลาดบนสื่อออนไลน์ที่น่าสนใจมาก เมื่อสื่อใหญ่อย่าง The Guardian เปิดทางให้ผู้อ่านสามารถ “ซ่อนข่าว” ที่เกี่ยวกับการประสูติของเจ้าชายน้อยของดยุคและดัชเซสแห่งแคมบริดจ์ ด้วยการสร้างปุ่ม “Republican” เพื่อให้ผู้ที่นิยมระบอบสาธารณรัฐได้มีทางออกและไม่ต้องอึดอัดกับทะเลข่าวที่สื่อต่างชาติเรียกรวมว่า “Royal Baby”
สิ่งที่ The Guardian ทำคือการติดตั้งปุ่ม “Republican” เพื่อให้ผู้กดสามารถเปลี่ยนหน้าเพจกลับไปเป็นหน้าหลักหรือโฮมเพจที่จะปิดกั้นข่าวการประสูติของเจ้าชายองค์ล่าสุดในราชบัลลังก์อังกฤษ โดยจะแทนที่ข่าวเหล่านี้ด้วยการแสดงบทความน่าสนใจอื่นๆตามปกติ
ความเคลื่อนไหวของ The Guardian ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมา The Guardian เคยติดตั้งปุ่มลักษณะนี้มาแล้วเมื่อครั้งพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีนหรือเคทเมื่อปี 2011 รวมถึงพิธี Diamond Jubilee หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อปี 2012 ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ ซึ่งครั้งนี้ The Guardian นำปุ่มมาติดไว้ด้วยเหตุผลเดียวกัน
The Guardian ยอมรับว่าข่าว Royal Baby เป็นข่าวใหญ่ที่สาธารณชนให้ความสนใจ และ The Guardian เองก็เล่นข่าวใหญ่เมื่อครั้งเจ้าชาย“จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์”ทรงปรากฏโฉมต่อสื่อมวลชน โดยข่าวดังกล่าวเป็นข่าวหลักที่ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเพจ ทั้งหมดนี้ The Guardian เชื่อว่ามีผู้อ่านหลายคนที่อาจไม่สนใจข่าวการประสูติครั้งนี้ ซึ่งเป็นข่าวที่มีการเผยแพร่ทั่วทุกสื่ออยู่แล้ว
นอกจากปุ่ม Republican บนเพจของ The Guardian ยังมีปุ่ม Royalist สำหรับคลิกเพื่อให้ผู้อ่านได้เปลี่ยนเพจเวอร์ชันใหม่ที่มีข่าวการประสูติเช่นเดิม ซึ่งทำให้ผู้อ่าน The Guardian สามารถเลือกและเปลี่ยนใหม่ได้ตามต้องการ
สิ่งที่ The Guardian ทำนั้นเป็นผลดีต่อทั้งผู้อ่านและ The Guardian เอง เนื่องจากผู้อ่านสามารถเลือกรับข่าวสารที่ต้องการได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับสำนักอื่นที่ไม่สร้างทางเลือกใด ขณะที่ The Guardian สามารถนำเสนอเรื่องราวได้หลากมุม ถือว่าเป็นอีกไอเดียที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับสถิติที่เกี่ยวกับข่าว Royal Baby ที่น่าสนใจคือ จำนวนข้อความ Tweet ที่ถูกโพสต์ไปมาในช่วงการประกาศว่าเจ้าชายน้อยทรงประสูติแล้วนั้นมีช่วงพีคหรือจำนวนสูงสุดมากกว่า 25,300 ข้อความต่อนาที โดยมากกว่าช่วงที่สื่อต่างชาติแพร่ภาพเจ้าชายน้อยที่ทำสถิติพีคที่ 18,000 ข้อความต่อนาที ถือเป็นอีกสถิติระดับโลกที่น่าจดจำอีกนาน
ที่มา: Brand Republic