editorial note: บทความนี้คือบทความพิเศษ (ที่เราเรียกว่า Guest Post) จากพีศิลป์ พงศ์วราภา New Media Director แห่ง GM Group Magazine และบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ ปกรณ์ พงศ์วราภา บทความนี้เขาส่งมาให้ กองบรรณาธิการ thumbsup อัพโหลดขึ้นให้ชาว thumbsup โดยเฉพาะ ทว่าสิ่งที่พีศิลป์เขียน ไม่สะท้อนแนวคิดของกองบรรณาธิการ thumbsup เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของเขา ว่าแล้วก็อ่านกันได้โดยพลัน
ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า E-Magazine แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ แบบ Interactive ซึ่งจะเป็นการจัดเลย์เอาท์ใหม่ทั้งหมด ใส่เอฟเฟคลูกเล่นต่างๆ เต็มที่ กับอีกแบบคือแบบ PDF ซึ่งหน้าตาจะเหมือนในฉบับพิมพ์ทุกอย่าง แต่ก็ยังสามารถใส่เอฟเฟคได้เช่น สไลด์ภาพ เสียง วีดีโอ ลิงก์ไปเว็บไซต์ได้ เป็นต้น
ช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมาตลาด E-Magazine ของไทยเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากจำนวนคนใช้อุปกรณ์ทั้ง iPad, Samsung GALAXY Tab เพิ่มมากขึ้น E-Magazine จึงเติบโตตามไปด้วย ในช่วงแรกๆ จะมีหลายเจ้าทำแอพ E-Magazine ออกมา แต่ต่อมาก็เหลืออยู่เฉพาะเจ้าใหญ่ๆ ถ้าเป็นในแบบ PDF คงต้องพูดถึงแอพของ ookbee ในปัจจุบัน ookbee เป็นผู้ทำแอพให้กับหลายหัวหนังสือในบ้านเรา และยังทำแอพให้กับ AIS Bookstore และ B2S อีกด้วย
นิตยสารที่ร่วมมือผลิตกับ ookbee จึงได้เปรียบกว่าทำกับเจ้าอื่น เพราะว่าผู้อ่านสามารถเข้าถึงตัวหนังสือได้หลายทางกว่า การที่ผู้อ่านเข้าถึงได้หลายช่องทางและทุกช่องทางสามารถเชื่อมกันได้ด้วยบัญชีเดียว ไม่ว่าคุณจะดาวน์โหลดนิตยสารเล่มนั้นจากแอพไหนในเครือ ookbee ก็สามารถเปิดอีกแอพแล้วดาวน์โหลดเล่มที่ซื้อไปแล้วมาอ่านได้ เช่นคุณซื้อ GM ในแอพ AIS แล้วอีกเดือนต่อมาคุณเปิดแอพ B2S คุณก็สามารถดาวน์โหลด GM เล่มที่คุณซื้อไปแล้วนั้นมาอ่านได้อีก ผู้อ่านจึงไม่สับสนหรือต้องคอยจำว่าเคยซื้อไปผ่านแอพไหนนะ ด้วยความสะดวกนี้ ผนวกกับการทำงานร่วมกันระหว่างพันธมิตรอย่าง AIS และ B2S ช่วยกันประชาสัมพันธ์จึงทำให้ยอดดาวน์โหลดของนิตยสารเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
สินค้าหลายตัวสนใจที่ลงโฆษณาใน E-Magazine แต่ยังรอให้มียอดผู้อ่านมากพอเสียก่อน ในช่วงที่ผ่านมาโฆษณาใน E-Magazine จึงยังไม่เติบโตเท่าที่ควร
แต่จากตัวเลขยอดผู้ดาวน์โหลด E-Magazine เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา และคาดว่าภายในปีหน้ายอดดาวน์โหลด E-Magazine จะมียอดแซงจำนวนยอดพิมพ์นิตยสาร ซึ่งหมายความว่าหากสินค้าซื้อโฆษณาเฉพาะใน E-Magazine ก็จะไปถึงผู้อ่านที่จำนวนมากขึ้น ในราคาที่ถูกลง ปัจจุบันนิตยสารหลายหัวยังเป็นการขายพ่วงคือ ซื้อโฆษณาในนิตยสาร และแถมในลงในฉบับ E-Magazine ด้วย หรือเพิ่มเงินเพียงเล็กน้อย แต่ก็เริ่มมีบางนิตยสารแล้วที่ให้ลูกค้าสามารถซื้อโฆษณาเฉพาะฉบับ E-Magazine ได้
ราคาหน้าโฆษณาในนิตยสารนั้นอยู่ตั้งแต่ประมาณ 30,000 บาท ไปถึง 80,000 บาท แต่ใน E-Magazine อยู่ประมาณ 8,000 – 15,000 บาทเท่านั้น (ในแบบ PDF พร้อมการใส่ลิงก์เสียงหรือวิดีโอ)
ลงโฆษณาใน E-Magazine ดีอย่างไร?
การลงโฆษณาใน E-Magazine นั้นสามารถใส่ลิ้งก์เพื่อให้ผู้อ่านที่สนใจไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ หรือสั่งซื้อสินค้าที่หน้าเว็บไซต์ได้ทันที และยังสามารถใส่ภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อดึงความสนใจผู้อ่านได้มากกว่าแบบสิ่งพิมพ์ ราคาถูกกว่าและยังได้ภาพลักษณ์ที่ดีด้วย เช่น คุณทำร้านเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ แต่ไม่มีงบพอจะซื้อแฟชั่นเซต 6 หน้าในนิตยสาร เพราะราคาจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท แต่ถ้าคุณมาซื้อใน E-Magazine 1 หน้าราคา 15,000 บาท แล้วใส่เอฟเฟคสไลด์ภาพเข้าไปสัก 10 ภาพ พร้อมลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของคุณ ลูกค้าก็สามารถจะสั่งซื้อได้ทันที และยังเป็นหน้าโฆษณาที่อยู่ในนิตยสารเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยด้วย เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ที่สำคัญคือ E-Magazine กระจายไปทั่วโลก ผู้อ่านที่อยู่ต่างประเทศก็สามารถเห็นสินค้าของคุณโดยง่าย ไม่เหมือนกับฉบับพิมพ์ที่จำกัดอยู่แต่ในประเทศเท่านั้น
จะลงโฆษณาใน E-Magazine ต้องทำอะไรบ้าง?
– เนื่องจากราคาค่อนข้างถูกจึงควรเลือกหัวหนังสือที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์ของคุณ จากนั้นติดต่อขอราคาหน้าโฆษณา ยิ่งซื้อหลายฉบับจะยิ่งได้ส่วนลดที่ดี
– ขอจำนวนยอดสมาชิกที่ดาวน์โหลด
– เตรียมไฟล์ของคุณทั้งภาพ เสียง วิดีโอ ลิงก์เว็บไซด์ เพื่อให้หน้าโฆษณาทำหน้าที่ได้สูงสุด ไม่ควรลงเป็น PDF นิ่งๆ เพราะถ้าคุณลงแบบนิ่งๆ ผู้อ่านเปิดผ่านหน้าโฆษณาของคุณภายใน 2 วินาที
จากข้อมูลข้างต้นโฆษณาใน E-Magazine ก็ถือเป็นอีกสื่อหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดในปีหน้านี้ ด้วยความพร้อมที่มีมากขึ้น ทั้งจำนวนผู้อ่าน ผู้เข้าถึง 3G จึงทำให้โฆษณาใน E-Magazine เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจมากทีเดียว ใครสนใจอ่านคมความคิดของผู้ชายคนนี้เพิ่มเติมก็ลองตามไปอ่านได้ที่ http://www.pesilp.com/