เรียนรู้ พบปะ สังสรรค์ ณ SXSW 2013
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วม conference ชื่อดังระดับโลกอย่าง South By South West (SXSW) ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกามาครับ สำหรับหลายๆ คนที่ไม่รู้จักงานนี้ SXSW นั้นเป็นงานรวมผลงานหลากหลายทั้งดนตรี, หนังและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จัดขึ้นปีหละครั้ง (ดูรายละเอียดได้ที่ http://sxsw.com ครับ)
ก่อนจะไป เจอคนถามเยอะเหมือนกันว่าไปทำอะไรเหรอ? ตอนนั้นยังไม่มีคำตอบชัดเจนเท่าไหร่ แค่เคยได้ยินว่ามันเป็น conference ที่ startup ดังๆ หลายบริษัทชอบไปเปิดตัว/launch (เช่น twitter และ foursquare) เลยอยากลองไปดู-ไปเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิต หลังจากได้ไปมาด้วยตัวเองแล้วบอกได้เลยว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะมากครับ หากจะให้สรุปประสบการณ์ตลอดอาทิตย์ที่ได้อยู่ที่นั่นคงสรุปได้เป็นคำสามคำว่า ผมได้: เรียนรู้, พบปะ, และ สังสรรค์
เรียนรู้
ไฮไลท์ของการได้มา SXSW สำหรับผมเลย คือการได้ไปเข้าฟังคุณ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ให้สัมภาษณ์สดๆ ก่อนหน้าที่จะได้เข้าไปฟังต้องยอมรับว่าไม่ได้รู้จักเรื่องราวของเขามากเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเคยเป็น co-founder ของ PayPal และเป็นเจ้าของบริษัท Tesla หลังจากได้ไปฟังการให้สัมภาษณ์แล้ว บอกได้เลยว่า
อีลอน มัสก์ได้กลายเป็นฮีโร่ในดวงใจคนใหม่ของผมเลยทีเดียว…
สิ่งที่ชื่นชมในตัวคุณอีลอนอย่างแรกเลยคือ เขาเป็นคนที่มีความสามารถและทำอะไรเยอะมาก นอกจากเคยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง PayPal แล้ว ตอนนี้เขาเป็น founder ของบริษัทขนาดใหญ่อีกสองบริษัทคือ Tesla ผู้บุกเบิกวงการรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และ SpaceX บริษัทเอกชนแรกๆ ที่จะพาคนธรรมดาอย่างเราๆ ไปอวกาศ และยังเป็นกรรมการบริษัทของบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำอย่าง Solar City อีกด้วย
นอกเหนือจากปริมาณงานที่ยากจะจินตนาการได้แล้ว สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งในตัวเขาสุดๆคือ ความกล้าและความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาที่ทั้งใหญ่และซับซ้อนทั้งๆ ที่เขาไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเอาเงินส่วนตัวที่มีทั้งหมดเข้าไปเสี่ยง ในตอนสัมภาษณ์อีลอนกล่าวว่า เขาอยากที่จะผลักดันการเดินทางไปอวกาศเพราะเกรงว่ามนุษยชาติจะหยุดอยู่แค่นี้และไม่มีการพัฒนาและแสวงหาต่อ เขาเห็นว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องพยายามพัฒนาค้นหาอะไรใหม่ๆ ต่อไป
ฟังแล้วทำให้ต้องหันกลับมามองตัวเองและเป้าหมายที่ตัวเราคิดอยากทำ ก็รู้สึกได้เลยว่าต้องฮึดสู้พยายามทำอะไรเพื่อผลักดันตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ ต้องกล้าเผชิญปัญหามากกว่าที่เคย และพยายามที่จะแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบกับคนในวงกว้างให้มากกว่านี้
นอกจากคุณอีลอนแล้ว งาน SXSW ก็ยังมี ผู้มาพูดในงานคุณภาพระดับโลก และหัวข้อที่น่าสนใจอีกมากครับ เช่น:
– งานเปิดตัว API สำหรับ Google Glass, ตัว demo เจ๋งดีครับ แต่ API ที่เปิดตัวมาดูยังทำอะไรได้ไม่เยอะเท่าที่ควร
– คุณ Tina Roth Eisenberg, เป็น designer ชื่อดังที่มาพูดเกี่ยวกับ ข้อคิดในการทำงานของเธอ หนึ่งในข้อคิดที่เธอฝากไว้คือ “If an opportunity scares you, take it” หรือแปลเป็นไทยว่า “ถ้าได้รับโอกาสให้ทำในสิ่งที่ท้าทายจนน่ากลัว ให้กัดฟันสู้ทำมันซะ”
– สัมภาษณ์สดคู่หู founder ของ Leap motion เทคโนโลยี sensor จับความเคลื่อนไหวที่กำลังมาแรง เอาตัว sensor มาโชว์ในงานและกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แค่เท่ แต่ต้องดีกว่า solution ปัจจุบันอย่างก้าวกระโดด
– Al Gore มาพูดเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของเขา “Six Driver of global change” หกสิ่งที่จะเปลี่ยนโลกของเรา (หนึ่งในนั้นก็ยังเกี่ยวกับ climate change ตามคาด)
พบปะ
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของงาน SXSW นอกจาก speaker ชื่อดังระดับโลกแล้ว ก็คือการได้พบปะและเรียนรู้จากคนที่มาร่วมงานนั่นเอง ปกติตัวผมไม่ค่อยได้มีโอกาสไป conference กะเขาและ network ไม่ค่อยเก่ง มางานนี้ก็เลยต้องพยายามบังคับตัวเองให้เป็นคนเจ๊าะแจ๊ะนิดนึง เคล็ดลับอย่างนึงที่เพื่อนที่ไปด้วยกันพยายามเน้นให้ทำก็คือการไป meetup event ต่างๆ ที่มีจัดขึ้นในงาน ข้อดีของการไป meetup ก็คือทุกคนที่ไปก็มีจุดมุ่งหมายในการไปคุยกับคนแปลกใหม่อยู่แล้วจึงค่อนข้างง่ายที่จะเดินไปคุยแนะนำตัวกับใครก็ได้ไม่เขอะเขินมากเกินไป นอกจากนี้การได้อุ่นเครื่องกับการไปงาน meetup ก็ทำให้ค่อนข้างง่ายขึ้นที่จะคุยกับคนในวันต่อๆ ไป
ความหลากหลายของผู้คนที่มางานนี้ก็ถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของงานสำหรับผม ในเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมได้อยู่ที่นั่น มีโอกาสได้พูดคุยกับคนมากมายจากหลายอาชีพและจากทั่วโลก: investor จาก VC ใน San Francisco, Programmer จากบริษัทชื่อดังอย่าง Microsoft, Evernote, Twitter, Google, นักออกแบบจาก Facebook และอื่นๆ อีกมากมายครับ การได้พูดคุยกับคนเหล่านี้ผมว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่ได้ ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้มองโลกจากมุมมองที่แปลกไป และยังได้เป็นการกระทบไหล่คนมีชื่อเสียงที่ผมชื่นชมเป็นการส่วนตัวอีกด้วย คนหนึ่งที่ผมได้เจอตัวเป็นๆ ในงานและได้คุยกับเขา (นิดหน่อย) ก็คือคุณ Eric Ries ผู้แต่งหนังสือที่คนในวงการ Startup ต้องรู้จัก อย่าง “The Lean Startup”
สังสรรค์
สิ่งที่ค่อนข้างพิเศษของงาน SXSW ที่แตกต่างจากงาน conference ทั่วไปคือการที่ไม่ได้เน้นแต่การโชว์ผลงานด้านเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่มีการจัดควบคู่ไปกับ การโชว์ผลงานความบันเทิงทั้งด้านดนตรีและหนังไปพร้อมๆ กัน ทำให้นอกจากการได้ตื่นตาตื่นใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้วยังเป็นโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับคอนเสิร์ต, ปาร์ตี้, และ Event พิเศษต่างๆ ที่มีจัดให้ฟรีสำหรับผู้ร่วมงานอย่างมากมายจนเลือกไม่ถูก
ตกดึกหลังจากงานพูดคุยด้านเทคโนโลยีจบลง ผับบาร์บน 6th Street ในเขตตัวเมืองออสตินก็จะเต็มไปด้วยงานกินฟรีดื่มฟรีหลายๆ เจ้าที่ sponsor ด้วยบริษัทเทคโนโลยีที่มาร่วมงาน (แถมมีของฟรีแจกเต็มไปหมด) คอนเสิร์ตและงานที่เจ๋งๆ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยความพยายามเล็กน้อยในการต่อคิวรอเข้างาน งานปาร์ตี้ทีเด็ดที่ผมชอบมากก็คืองาน ของ National Geo Graphics ที่มี DJ ชื่อดังอย่าง Girl talk มาเล่นในงานและ ดื่มฟรีตลอดงาน :D~ (ต้องต่อคิวประมาณชั่วโมงครึ่งได้มั้ง)
สรุปแล้ว ผมว่ามางานนี้ได้อะไรกลับไปเยอะมาก ทั้งแง่ประสบการณ์ ความรู้ ความสนุกถือว่าคุ้มค่ามาก ถามว่าจะมาอีกหรือเปล่าในปีหน้า ยังไม่แน่ใจครับเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะพอตัว แต่สำหรับคนในแวดวงเทคโนโลยี ที่มีโอกาสไป ผมว่าไม่ควรพลาดครับ
สำหรับคนที่จะมาในปีถัดๆ ไปก็ขอฝาก Tip เล็กๆ น้อย เผื่อจะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นนิดนึง:
– จองที่พักล่วงหน้านานๆ เอาใกล้ๆ ในตัวเมืองครับ (ยอมจ่าแพงนิดนึง) จะได้ไม่ต้องสู้กับผู้คนในการหาทางกลับบ้าน และสามารถอยู่สังสรรค์ได้ถึงดึก
– อย่ามัวแต่ไปฟังคนที่มาพูดเพียงอย่างเดียว ส่วนสำคัญของงานคือการได้พบผู้คนและการได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วย
– พยายามคุยกับคนแปลกหน้า ไป meet up ขยายมุมมอง พยายามลองไปทำหรือไปเข้าฟังสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะสนใจ ส่วนใหญ่มักจะได้พบอะไรดีๆ ที่ไม่ได้คาดคิด
– ไม่ควรโลภมาก พยายามไปดูอะไรเยอะเกินไป เลือกและจัดลำดับความสำคัญและวางแผนความใกล้ไกลของสถานที่ด้วยเพราะขนาดงานค่อนข้างใหญ่อาจหมดแรงก่อนหมดวันได้ครับ