ถ้าใครทำงานสาย Media หรือ Digital Online จะพบว่าค่ามีเดียแต่ละช่องทางแพงมากๆ การลงงบสำหรับโปรโมทวันหนึ่งสูงถึงประมาณสองแสนบาท ถ้า 1 เดือนก็เกือบ 6 ล้าน นี่เป็นเพียงแค่ช่องทางเดียวนะคะ แต่การโปรโมทแคมเปญจริงๆ ต้องใช้หลายช่องทางมากทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ทำให้มีเดียที่ลงไป ควรมี airtime ที่ดีพอให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าสินค้าเราคืออะไร มีข้อดียังไง นักการตลาดบางคนอาจมีมายเซตว่า ถ้าลูกค้าชอบเดี๋ยวเค้าก็ไปหาข้อมูลเพื่อซื้อ แต่อย่างที่บอกค่ะ ราคามีเดียสูงเกินกว่าจะคาดหวังจากคนกลุ่มนี้ได้ตลอด
เมื่อเราลงทุนซื้อมีเดียแล้ว มีเดียนั้นควรบอกข้อมูลหลักได้เต็มที่ หรือบางแบรนด์ ไม่สิ เกือบทุกแบรนด์ อยากจะฮาร์ดเซลกันแบบสุดกู่ แต่ก็กลัวลูกค้าหายไป วันนี้เราจึงอยากเเนะนำวิธีที่ทำให้เเบรนด์ฮาร์ดเซลล์ได้อย่างสบายใจลูกค้าไม่หนีทั้งหมด 3 ข้อ ค่ะ
ใช้ Influencer Tie-in เก่ง
หลายคนอาจจะคิดว่า Influencer ดังๆ ก็ต้องขายเก่งอยู่แล้วสิ แต่บอกเลยว่าคิดผิดค่ะ หลายคนที่ดังเกิดจากคอนเทนต์อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับแบรนด์เลย ทำให้พอแบรนด์ไปโปรโมทในช่องนั้น ไม่ได้รับการโปรโมทที่ดีหรือฮาร์ดเซลล์จนแบรนด์พอใจ
อย่าง Youtuber บางรายคลิปละล้านกว่าบาทแต่มีซีนให้ขายสินค้าแค่ไม่กี่วินาที ถึงจะยอดวิวดี แต่ข้อมูลสินค้าไม่ออก ถ้าเทียบกับราคาถือว่ายังไม่คุ้มค่า เพราะโปรโมทด้านออนไลน์แบบนี้ก็วัดผลที่กลับมาเป็นยอดขายได้ยาก
ฉะนั้นการเลือก Influencer ที่ขายเก่งๆ ดูง่ายๆ คือคลิปที่ดังเป็นคลิปที่มีแบรนด์มาโฆษณา เช่น เอ็ด 7 วิ, สอดอสไตล์ ที่จะเด่นในเรื่องไอเดียการขายเป็นหลัก ทำให้คลิปที่ออกมาเป็นการฮาร์ดเซลล์ที่ดูไม่น่าเบื่อแถมน่าซื้อสินค้าตามอีก
เน้นเล่าแบบมีอารมณ์ร่วม
ยุคนี้ไม่ใช่ยุคดราม่ากินใจ ดูแล้วร้องไห้ซึ้งตบท้ายด้วย สนับสนุนโดย (ชื่อแบรนด์) แล้วต่อด้วย Key Message เพราะชีวิตปกติคนก็เครียดอยู่แล้ว จะให้มาเครียดต่ออีกก็เกินไป สายเอนเตอร์เทนจึงมาแรงที่สุด
ถ้าเห็นจากเทรนด์ต้นปี หลายสำนักข่าวก็บอกเป็นทางเดียวกันว่าการทำโฆษณาให้สนุก มีเรื่องราว หรือคอนเทนต์ที่สร้างเสียงหัวเราะหรืออารมณ์สนุกร่วมไปด้วย จะมีกระแสที่ดีกว่า เช่น ชุดโฆษณา Nestle เพจรีวิวเรียลๆ ที่ใช้ภาษาเป็นกันเองทำให้เข้าถึงง่าย มีอารมณ์ร่วมจากตัวสินค้าเอง ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจขึ้นมาทันตา
ใช้ Micro Influencer
ถ้าแบรนด์อยากฮาร์ดเซลล์หนักอีก Tool ที่ใช้ได้ดีเสมอคือ Micro Influencer จะโพสต์ใน Instagram หรือ Twitter แล้วแต่แบรนด์ว่าลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ช่องทางไหนมากที่สุด มีการรับรู้ภาพลักษณ์แบรนด์ยังไง
แต่แน่นอนว่าภาพสวยหรูพร้อมรีวิวแบบไม่จริงต่อด้วยคุณสมบัติสินค้าเรียงเป็นข้อๆ อาจไม่ใช่คำตอบในยุคนี้ แนะนำว่า รีวิวที่ดีจะเกิดจากการใช้จริงเสมอ คอนเทนต์ที่เขียนจึงจะออกมาธรรมชาติที่สุด
โดยเฉพาะ Twitter ที่มีนักรีวิวมากมายอยู่ในนี้ หรือแนะนำเพิ่มเติมคือการแจกของใน Twitter ก็ได้ยอดที่ดีเหมือนกันเช่น ให้ Micro Influencer เล่นกิจกรรมคือให้รีโพสต์และฟอลโลว์ สุ่มแจกสินค้าชิ้นนี้ บอกเลยค่ะว่ายอดรีโพสต์เป็นหมื่น เห็นผลได้ดีกว่าการทวิตแบบปกติหรือปั่นแฮชแท็คแน่นอน
วิธีการโปรโมทแบบตายตัวไม่มีมากนัก ทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้และตามกระแสหรือนำให้ทัน สิ่งที่ดีในวันนี้เดือนถัดไปอาจไม่ดีก็ได้ ฉะนั้นเมื่อนักการตลาดจะต้องเสียเงินกับมีเดียหลายล้านแล้ว ควรได้รีเทิร์นกลับมาเป็นยอดขายได้ดีด้วยเช่นกัน และอย่าลืมทำรีเสิร์ชลูกค้าที่ซื้อสินค้าด้วยนะคะว่ามาจากช่องทางไหนบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการโปรโมทครั้งถัดไป