Site icon Thumbsup

กรณีศึกษา PopSugar : ทำอย่างไรให้คนดูวิดีโอบน Facebook ได้ถึง 30 วินาที

คงไม่ต้องบอกว่าวิดีโอคอนเทนต์มาแรงขนาดไหนในปีนี้ โดยเฉพาะวิดีโอบน Facebook แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานสูงสุด และมาพร้อมกับฟีเจอร์เล่นวิดีโออัตโนมัติที่ช่วยให้ผู้ใช้งานรับชมวิดีโอได้ราวๆ 30 วินาทีหรือนานกว่านั้น ถือเป็นตัวเลขที่รักการตลาดต้องปลื้มสำหรับยุคที่ผู้รับสารเลือกรับเนื้อหาได้ตามใจชอบ

สำหรับ PopSugar เป็น Publisher ในสายไลฟ์สไตล์ โดดเด่นในเรื่องของสุขภาพและความงาม เริ่มทำกลยุทธ์เพื่อนำเสนอวิดีโอคอนเทนต์มาตั้งแต่เดือนกันยายน และค้นพบหลักการง่ายๆ ที่จะช่วยให้วิดีโอได้รับความสนใจมากขึ้น รมไปถึงวิธีการใส่ตัวหนังสือลงไปในวิดีโอด้วย

ทีมงานคอนเทนต์ของ PopSugar พบว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นช่วยให้กลุ่มเป้าหมายรับชมวิดีโอได้นานขึ้น (30 วินาที หรือนานกว่านั้น) สำหรับวิดีโอทั้ง 5 ประเภทของ PopSugar

ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้มีผู้ชมเพียง 21% เท่านั้นที่รับชมวิดีโอแฟชั่นของ PopSugar ได้นานกว่า 30 วินาที และในตอนนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 42% ตามข้อมูลที่ David Grant ประธานของ PopSugar Studio ให้ไว้

นี่คือตัวอย่างของวิดีโอที่ PopSugar โพสต์ลง Facebook ในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ใช้รูปภาพที่ดึงดูดความสนใจ หรือพูดง่ายๆ คือไม่สามารถทำให้ผู้ชมสนใจได้ภายใน 3 วินาที ผลที่ได้คือ มีผู้ชมเพียง 15.6% เท่านั้นที่รับชมได้จนถึง 30 วินาทีแรก

แนวทางการนำเสนอวิดีโอคอนเทนต์ในช่วงแรกของ PopSugar แตกต่างอย่างชัดเจนกับในปัจจุบัน โดยจะเริ่มต้นด้วยภาพที่ Grant เรียกว่า “Money shot” เพื่อดึงให้ผู้ชมสนใจตั้งแต่แรก

“ผู้ชมจะต้องรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ตอนต้นที่เห็นภาพแรก การทำให้ผู้ชมบน Facebook เข้าใจความสำคัญของคอนเทนต์นั้นตั้งแต่แรก ถือเป็นกุญแจสำคัญของ Conversion rate” Grant กล่าว และรวมๆ แล้ว PopSugar มียอดวิวสำหรับวิดีโอคอนเทนต์บน Facebook ถึง 51 ล้านวิวต่อเดือน

เขาสรุปว่า “เราอยู่ในธุรกิจของการเล่าเรื่อง และถ้ากลุ่มเป้าหมายเห็นธุรกิจของเราแค่ 3 วินาที นั่นไม่ใช่ธุรกิจ ไม่ว่า Facebook จะนับมันหรือไม่ก็ตาม หัวใจสำคัญคือสร้างงานและติดตามผลของมัน เพื่อนำมาปรับปรุงในครั้งต่อไป ซึ่งก็อาจจะต้องทดลองหลายครั้งกว่าจะรู้ว่าอะไรเวิร์กสำหรับธุรกิจของตัวเอง และจริงๆ แล้วการทำวิดีโอคอนเทนต์ใน YouTube ก็เช่นกัน ถ้าเราไม่สามารถ engage กับผู้ชมได้นานพอ แปลว่าเราอาจจะทำอะไรบางอย่างผิดไป”

ที่มา : Digiday