ทุกวันนี้ไปที่ไหนเราได้ยินแต่คำว่าสตาร์ทอัพๆ เดี๋ยวเพื่อนคนนั้นก็ลาออกมาทำสตาร์ทอัพ เดี๋ยวเพื่อนคนนี้ก็จอยสตาร์ทอัพต่างชาติ เดี๋ยวรัฐบาลก็บอกว่าจะออกนโยบายสนับสนุนสตาร์ทอัพไทย แหม่…คำว่าสตาร์ทอัพช่างมีมนต์ขลังจนหลายคนมองข้ามผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ที่ระบุว่าสตาร์ทอัพไทยกว่า 90% นั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า
พูดง่ายๆ ว่าถ้าสตาร์ทอัพ 10 ราย 9 รายจะเจ๊ง ส่วนอีก 5% ไม่ตายแต่ไม่โต มีเพียง 5% ที่ไปได้รุ่งและกลายเป็นสตาร์ทอัพดาวเด่น แต่เราไม่ได้อยากโฟกัสที่ความล้มเหลว เราอยากถอดบทเรียนว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้สตาร์ทอัพ 5% อยู่รอดและไปรุ่งจนเป็นดาวค้างฟ้าแวดวงธุรกิจไทย
โชค เส้นสาย ฐานะทางบ้านแต่ตั้งต้น? … ก็ไม่เถียงครับแต่มันอาจมีผลเพียงเล็กน้อยเพราะงานวิจัยหลายชิ้นชี้ตรงกันว่าบรรดานักธุรกิจที่รวยจากสตาร์ทอัพนั้น 99% มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพลังใจ (willpower) หรือความสามารถในการควบคุมจิตใจและการกระทำของตัวเองเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย
พลังใจสู่ความสำเร็จ
Roy F. Baumeister และ John Tierney เขียนไว้ในหนังสือ Willpower: Rediscovering Our Greatest Strength เล่าความแตกต่างระหว่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวว่าอยู่ที่ความสามารถในการบริหารพลังใจ (willpower) เป็นสำคัญ เพราะพลังใจเป็นเหมือนเข็มทิศวบคุมความคิด การกระทำ และทำให้คุณมีกำลังวังชาพอฝ่าฟันอุปสรรคยากๆ ได้สำเร็จ
ความลับคือพลังใจเหมือนกล้ามเนื้อ คุณต้องฝึกฝน ยกเวทใจกันทุกวันเพื่อสะสม “กล้ามเนื้อ” แห่งความมุ่งมั่นนี้ไปเรื่อยๆ คนที่มีพลังใจมากจะเป็นคนมีแรงจูงใจดี มีวินัย และชอบมองโลกแง่ดี เมื่อคุณมีอุปนิสัยเหล่านี้แล้วชีวิตทั้งส่วนตัวและการงานของคุณก็จะมีแต่ความสำเร็จ
พลังใจเกิดขึ้นยังไง
เอาเข้าใจจริงพลังใจไม่สามารถเกิดขึ้นได้เองเหมือนพลังมหัศจรรย์หรอกนะ มันต้องอาศัย “ออกกำลังใจ” อย่างต่อเนื่องซึ่งก็คือการเสริมสร้างอุปนิสัยด้านบวกอย่างเป็นกิจวัตร เช่น การตื่นเช้า การทำงานก่อนค่อยเล่นเกม การอ่านหนังสือทุกวัน การศึกษาหาความรู้ก่อนนอนทุกคืน เมื่อคุณทำสิ่งเหล่านี้จนเป็นนิสัยมันจะช่วยผลักดันชีวิตคุณให้ก้าวหน้าทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย และสุดท้ายกลายเป็นเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ
ถ้าไม่เชื่อผมลองดูทีมขายของบริษัทดูนะครับ คนทั่วไปชอบคิดว่าเซลล์ที่เก่งคือคนพูดเก่ง ช่างเอาอกเอาใจ ช่างประจบ แต่จากประสบการณ์ ผมเห็นว่าเซลล์ที่เก่งคือคนมีวินัยและวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ เขาหรือเธอรู้ว่าจะต้องไปหาลูกค้าแต่ล่ะคนกี่โมง เตรียมตัวตอบคำถามที่ลูกค้าอยากรู้เหมือนเดาข้อสอบ ทำพรีเซนเตชั่นสวยงามดูเป็นมืออาชีพ และรู้จักวางแผนหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนเมื่อถูกลูกค้าเรียกร้องในสิ่งที่ให้ไม่ได้ เซลล์ที่เก่งจึงไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์แต่เกิดการวินัย การทำการบ้านและการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง
สร้างพลังใจให้สำเร็จยังไง
แรงจูงใจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คุณสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้ คุณพ่อจะลดความอ้วนง่ายหากมีปัญหาสุขภาพแต่ยังอยากอยู่กับลูกๆ ไปนานๆ ผู้จัดการอยากแก้ปัญหาชีวิตหากเป็นธุรกิจที่ปลุกปั้นมากับมือ หรือฝ่ายขายอยากได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะๆ เพื่อสร้างบ้านให้พ่อกับแม่
ขั้นแรกหาแรงจูงใจของคุณให้เจอะซะก่อน จดมันออกมาให้เห็นตรงหน้าเลยว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไรบ้าง จากนั้นเริ่มแตกงานออกมาว่าคุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น เช่น หากแรงจูงใจของคุณคือการสร้างบ้านราคา 10 ล้านภายใน 10 ปี งานของคุณคือต้องเก็บเงินให้ได้ 1 ล้านต่อ 1 ปีเป็นอย่างต่ำ แล้วค่อยแตกออกมาว่าต้องทำกิจกรรมอะไรบ้าง ลดการกินอาหารนอกบ้าน เก็บเงินจากเงินเดือน ทำงานพิเศษเพิ่มเติม
ขั้นต่อมาคือการควบคุมตัวเองให้ทำตามกิจกรรมที่คุณกำหนดไว้ให้ได้ การควบคุมตัวเองเป็นพื้นฐานของคนประสบความสำเร็จทุกคนและการควบคุมตัวเองได้ทำให้เราไม่ทำพฤติกรรมที่เป็นปัญหาและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและความสำเร็จระยะยาว
แต่ความสุขที่จะเกิดจากการควบคุมตัวเองนั้นเห็นผลช้าและคุณอาจหงุดหงิดมากๆ ถ้าจะรอนานมากกว่าจะประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง เทคนิคคือมองหาความสำเร็จเล็กๆ ในทุกๆ วัน เมื่อคุณกำหนดเป้าหมายในแต่ล่ะวันไว้แล้วให้เปลี่ยนมุมมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นภาระแต่ให้มองมันเป็นความสำเร็จ เมื่อคุณรู้สึกสำเร็จทุกๆ วัน สมองก็จะรู้สึกเหมือนได้รับรางวัลทุกวันจากนั้นคุณก็จะอยากควบคุมตัวเองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย การตื่นเช้า การอ่านหนังสือทุกวัน การหาความรู้เพิ่มเติมกลายเป็นเรื่องง่าย
เราอาจสรุปโมเดลของการสร้างพลังใจสู่ความสำเร็จดังนี้
แรงจูงใจ > การควบคุมตัวเอง > อุปนิสัย > พลังใจ > ความสำเร็จ
เทคนิคการเพิ่มพลังใจ
- พยายามรักษาสุขภาพอยู่เสมอเพื่อพัฒนาจิตใจและความเชื่อมั่น หากคุณสุขภาพดี กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำคุณก็จะมีพลังงานไปทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
- ทำงานน้อยแต่ทำอย่างฉลาด การพยายามทำงานเยอะๆ เสี่ยงต่อการ burn out และสุดท้ายจะทำให้คุณเข็ดไม่อยากทำงานยากๆ อีกเลย ต้องรอบคอบก่อนจะเริ่มทำงานต่างๆ
- สำคัญสุดคือจงเป็นตัวของตัวเองและมีแรงจูงใจในสิ่งทำเสมอ ถ้าคุณรู้สึกว่างานตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบก็ยากมากที่คุณจะอยู่กับมันได้นาน