เคยมีคนพูดเอาไว้ว่า “ความรักทำให้โลกทั้งใบของเราเป็นสีชมพู” และความรักเองก็เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่ห้ามใจกันยาก เมื่อคุณพบคนที่ถูกใจ ก็ย่อมอยากเข้าไปทำความรู้จัก สานสัมพันธ์เพื่อพัฒนาต่อ แต่หากความรักนั้นดันมาเกิดในที่ทำงานเราควรต้องทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เรื่องโรแมนติกนี้มาทำให้ ‘งานเสีย’ และกระทบกับคนอื่นที่ทำงานร่วมกัน
หลายองค์กรมักไม่ค่อยเห็นด้วยกับการมีความรักในที่ทำงาน ซึ่งจริงๆ เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไร แต่ในบางครั้งก็กลับเป็นเรื่องอ่อนไหวทื่มากระทบกับงาน ในบทความนี้เราไม่ได้บอกว่า “ห้ามมีความรักในที่ทำงาน” แต่ลองมาดูกันว่าคุณจะมีรักในที่ทำงานอย่างไรไม่ให้ ‘งานเสีย’ และยังคงความเป็นมืออาชีพเอาไว้ให้มากที่สุด
ทิ้งเรื่องส่วนตัวไว้ข้างหลังเมื่อก้าวเข้าออฟฟิศ
ไม่ว่าเมื่อคืนจะทะเลาะกันมาหนักหน่วงแค่ไหนให้ทิ้งไว้ก่อน อย่าทำน้ำเสียงแดกดัน ประชดประชัน หรือเดินปึงปัง เพราะการทำแบบนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณจะรู้สึกวางตัวลำบาก
ลองสมมติเหตุการณ์ หากมีเพื่อนร่วมงานของคุณที่เป็นคู่รักกันเพิ่งทะเลาะกันมาหมาดๆ แล้วเช้าวันถัดมาพวกเขาก็ต้องเข้าประชุมด้วยกัน ซึ่งบรรยากาศในวันจะมาคุ และสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิรอบตัวที่ลดต่ำลงสักหน่อย
ทำใจกับ ‘ขาเมาท์’ ให้ได้
ชาวออฟฟิศที่หูตาเป็นสับปะรดย่อมไม่พลาดเรื่องราวแบบนี้เป็นแน่ ไม่ว่าใครกำลังคบกับใครอยู่ หรือใครเพิ่งเลิกกับใครข่าวสารนั้นๆ ก็จะถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็อาจตกเป็นเป้าของการเมาท์อย่างสนุกปากได้ หลายๆ คนจึงเลือกไม่ค่อยเปิดเผยความสัมพันธ์หากมีความรักในที่ทำงาน แต่หากคุณไม่อยากปกปิดความรักครั้งนี้ ก็ให้ไม่ต้องสนใจ และวางตัวให้เหมาะสมก็พอ
หวานให้เป็นเวลา
‘หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง’ พึงระวังการแสดงความรักกันในที่ทำงาน และในเวลางาน เพราะเข้าใจว่าช่วงเวลาที่ศรรักปักอกนั้นจะทำให้รู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบมีแค่เราสองคน แต่คุณกำลังอยู่ท่ามกลางหมู่เพื่อนร่วมงาน ซึ่งเพื่อนร่วมงานบางคนก็อาจมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และดูไม่เป็นมืออาชีพ หรืออาจเป็นฝั่งเจ้านายของคุณเองที่คิดแบบนั้น ดังนั้นให้คอยระวังการแสดงออกไม่ว่าจะ หอมแก้ม จับมือ กอด หยอกล้อกันกับคนรัก ให้อยู่ในระดับที่พอดี(ในช่วงเวลางาน)
ผลงานต้องออกมาดี
อีกข้อที่อาจฟังดูโบราณไปสักหน่อย แต่เรามองว่าการความรักเหมือนเด็กที่คบกันในวัยเรียนแล้วเกรดยังสวย อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ (เจ้านาย) เขาก็ย่อมไม่ขัดข้องกับความรักนั้นๆ และให้ผลงานของคุณเป็นตัวพิสูจน์ว่ารักครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบกับเรื่องงานเลยนะ
รับมือดีๆ ถ้าสุดท้ายต้อง ‘เลิกกัน’
บางความสัมพันธ์อาจดำเนินมาถึงตอนจบที่ต้องเลิกรา แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดจบของชีวิต มันก็แค่อีกช่วงหนึ่งของความทุกข์ที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้ อาจจะปิดโซเชียลมีเดียแล้วไปพักผ่อน ด้วยการใช้วันลาพักร้อนเพื่อไปพักใจ แม้ว่าในช่วงแรกๆ ที่ต้องกลับมาทำงานอาจจะเศร้าเพราะต้องเห็นหน้าคนรัก(เก่า) แทบทุกวัน แต่สักพักเรื่องเหล่านี้จะเบาบางลงเอง และจงทำใจว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงาน เมื่อมันจบลงก็ต้องยอมรับความรู้สึกเหล่านี้ให้ได้
เราเชื่อว่าความรักนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีทั้งมุมที่เป็นแรงใจและแรงผลักดันให้แก่กัน และอาจมีทะเลาะกันบ้าง ดังนั้นขอให้ทุกคนมีความรักอย่างเข้าใจและมีสตินะคะ 🙂