Site icon Thumbsup

สรุปสิ่งที่ Facebook จะลงมือทำ หลังเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta

ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทอย่างเป็นทางการไปเมื่อคืนนี้ (28 ตค.64) นอกจากมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก CEO ของเฟซบุ๊ก จะประกาศเปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็น Meta เพื่อเดินหน้าในการเป็น A Social Technology Company แล้ว

ทีมงาน thumbsup ได้รวบรวมกลยุทธ์และสิ่งที่ Meta จะเดินหน้าเปลี่ยนแปลงในอนาคตแต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือยังคงมีบริการโซเชียลมีเดียในเครือที่ใช้ชื่อเดิมคือ Facebook Instagram และ WhatsApp ที่เปลี่ยนคือชื่อบริษัทเท่านั้น

จากแถลงการณ์ ทั้งหมดของมาร์ก ที่ระบุว่า Meta (เมต้า) จะเป็นการรวบรวมแอปและเทคโนโลยีของบริษัทภายใต้แบรนด์ใหม่ ซึ่งจะโฟกัสในเรื่องของการทำ Metaverse ให้เป็นจริงเพื่อการเชื่อมต่อ ค้นหาและขยายธุรกิจ

โดย metaverse จะเปรียบเสมือนลูกผสม (Hybrid) ของประสบการณ์ออนไลน์ที่มีในปัจจุบัน ที่มีการแบ่งปันระหว่างโลกสามมิติกับประสบการณ์จริง ซึ่งจะช่วยให้คนอื่นๆ ได้สัมผัสความรู้สึกเดียวกันแม้ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทใหม่ที่ Meta จะทำให้เกิดขึ้นได้จริงในโลกแห่งอนาคต

นอกจากนี้ เมต้า ได้มีการจัดทำข้อมูลประจำปี เพื่อรวมข้อมูลสำคัญให้แก่ นักพัฒนา ครีเอเตอร์ นักการตลาดและแบรนด์ ได้พัฒนาเครื่องมือเสมือนจริง เพิ่มโอกาสและปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อเชื่อมต่อกับคนในสังคมร่วมกัน

รวมทั้งมีการประกาศเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยส้าง metaverse ให้เป็นการทำงานแบบผสมผสานผ่าน Presence Platform ที่มีการลงทุนไปแล้วกว่า 150 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ใน Quest 2 เพื่อเป็นการเตรียมให้ความรู้และส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้แก่ครีเอเตอร์รุ่นต่อไป

Horizon Home

เปรียบเสมือนบ้านในโลกแห่งความเป็นจริง ที่รอให้คุณไปสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง เข้าไปดูบ้านหลักและลองสร้างตัวตนจำลองผ่าน https://www.oculus.com/blog/inside-the-facebook-horizon-creator-accelerator-program/

Quest 2

ตัวเชื่อมประสบการณ์โลกเสมือนบน Meta วางขายแล้ว สำหรับ Quest 2 นั้น ถือว่าเป็นแว่นตาที่จะเชื่อมโลกเสมือนจริงและการทำงานไว้ด้วยกัน ส่วนราคาขายแบบครบชุดอยู่ที่ 299 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,900 บาท ซึ่งแว่นตาเสมือนจริงนี้ ไม่ใช่แค่ใส่เท่ๆ เท่านั้น สิ่งที่ Quest 2 จะให้ประโยชน์คุ้มค่า ได้แก่

Presence Platform

อีกหนึ่งชุดการทำงาน Presence Platform ที่มีการรวมความสามารถของ AI ไม่ว่าจะเป็น Passthrough, Spatial Anchors และ Scene Understanding ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสร้างประสบการณ์เสมือนจริงผ่านการโต้ตอบและเสียงที่สมจริง ทั้งยังเชื่อมต่อเนื้อหาเสมือนจริงเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างลงตัว

ส่วนสำคัญของแพลตฟอร์นี้คือ Interaction SDK ที่จะช่วยให้นักพัฒนาเพิ่มความสามารถในการโต้ตอบแบบคุณภาพสูงไปยังแอปของคุณได้ง่ายขึ้น ทั้งยังมีการเพิ่มเครื่องมือ Voice SDK หรือชุดเครื่องมือการสั่งงานด้วยเสียง ตอบโจทย์การใช้งานของเครื่องมือสื่อสารที่สะดวกสบายขึ้น

Project Cambria

ตลาดโปรเจคเตอร์มีหนาว เมื่อฮาร์ดแวร์ VR แบบ All-in-One รูปแบบใหม่อย่าง Project Cambria จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2022 ซึ่งไม่ใช่การเข้ามาแทนที่ Quest 2 กับ Quest 3 แต่จะเป็นอุปกรณ์ไฮเอนด์ ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมด รวมทั้งมีการปรับปรุงสี เลนส์ การพ้อยท์จุดให้แม่นยำขึ้น และทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์สุดทันสมัย ซึ่งราคายังไม่เปิดตัวแต่แรงแน่นอน

Spark AR

แม้จะมีผู้สร้างกว่าหลายแสนรายแล้วในการสร้างเอฟเฟ็กต์บน Spark AR แต่ก็ยังมีการเติบโตและเชื่อมต่อมากกว่า 700 ล้านคน แต่ Meta ก็ยังต้องการคอนเทนต์ประเภท AR ที่จะช่วยสร้างโลกใหม่

โดยมีการพัฒนาให้สมจริงมากขึ้น ทั้งการวางวัตถุดิจิทัลในโลกจริงและให้ผู้คนตอบโต้กับวัตถุนั้นได้ เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างสรรค์เรื่องราวเข้ากับสถานที่จริง เป็นประสบการณ์ในการเล่าเรื่อง เช่น การนำเที่ยว ประสบการณ์ชีวิตสัตว์

ทั้งนี้ meta มีการสร้างแอป polar ขึ้นมาช่วยเหล่าครีเอเตอร์มือใหม่ที่ไม่ได้มีฝีมือด้านศิลปะแต่อยากเข้ามาใช้งานเครื่องมือนี้ เป็นการช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างเอฟเฟ็กต์ AR ได้

ทั้งยังมีการขยายหลักสูตรระดับมืออาชีพ Spark AR เพื่อนำหลักสูตรนี้ไปไว้บน Coursera และ edX เพื่อการเข้าถึงที่กว้างขึ้น

นอกจากการเปลี่ยนชื่อบริษัทแล้ว ดูเหมือนแนวทางที่ meta จะเดินไปคือการมุ่งสู่อนาคตที่ไร้พรมแดน ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นคนรุ่นไหนก็ต้องปรับตัวให้ทัน ไม่ยอมตกยุคอีกแล้ว