ใครจะไปคาดคิดว่านักการตลาดจะต้องนึกถึงคนเจน Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ.2553 – 2568 หรือตั้งแต่ปี 2010 ขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นช่วงอายุที่ลดลงเรื่อยๆ แต่ที่น่าสนใจคือคนกลุ่มอายุน้อยนี้ กลับมีกำลังซื้อที่ดีกว่าคนกลุ่มอื่นๆ เพราะเงินที่ได้มาจากชาวเจน X, Y ซึ่งเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ที่ยอมจ่ายหรือให้เงินสนับสนุนเพื่อให้พวกเขามีต้นทุนในการใช้ชีวิตดีกว่าคนรุ่นอื่นๆ
ทั้งนี้ ชาว Gen Alpha ยังเป็นกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเกิดมาในยุคของเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ คาดว่าในอนาคต จะมีประชากรของคนกลุ่ม Gen Alpha มากถึง 2,000 ล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับคนเจนอัลฟ่านั้น เรียกได้ว่าส่วนใหญ่เกิดมากับเทคโนโลยีทำให้พวกเขามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์สูงกว่าคนเจนอื่นๆ เรียกได้ว่ามีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ในระดับสูง ทั้งยังสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ได้ดี กล้าคิดกล้าทำ กล้าลองผิดลองถูก ทางด้านของนิสัยใจคอเรียกได้ว่า เป็นเด็กที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ ไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก และค่อนข้างชอบการใช้ชีวิตคนเดียว จนอาจจะส่งผลให้มีลักษณะของการขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ขาดความยืดหยุ่น อาจจะห่างไกลจากธรรมชาติ ความเชื่อและศาสนาด้วย
ลักษณะสำคัญของชาว Gen Alpha
ก่อนหน้านี้ ทางสภาการศึกษา ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของ Gen Alpha มาอธิบายลักษณะนิสัยใจคอของเด็ก เพื่อเรียนรู้และนำไปปรับใช้กับเด็กๆ วัยนี้ ได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
- ชาวดิจิทัลโดยกำเนิด (Digital Natives) : Gen Alpha เกิดมาในโลกดิจิทัลที่เทคโนโลยีผสมผสานเข้ากับทุกแง่มุมของการเรียนรู้และเวลาว่าง ข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่า มีการใช้เวลากับหน้าจอมากกว่าคนรุ่นก่อน 3-5 ชั่วโมง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ละทิ้งความสนใจต่อกิจกรรมกลางแจ้ง ดังนั้น 46% ของ Gen Alpha ต้องการประกอบอาชีพที่มีโอกาสได้ทำงานกลางแจ้ง
- ทูตระดับโลก (Global Ambassadors) : พวกเขาเติบโตมาในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันใกล้กว่าเดิม จึงเปิดรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม และตระหนักถึงความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยุติธรรมทางสังคม และสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลและมุมมองจากทั่วโลกได้กว้างขวางอย่างไม่เคยมีมาก่อน
- แชมป์สุขภาพจิต (Mental Health Champions) : เรื่องที่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญมากขึ้นคือปัญหาเรื่องสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็น Gen ที่มีสุขภาพจิตและความยืดหยุ่นทางจิตใจดีที่สุด จากผลการศึกษาพบว่า 1 ใน 4 ของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน อยู่ในเกณฑ์ที่มีอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคนเจนอื่นๆ ต้องไม่ลืมว่าพวกเขายังคงมีจิตใจของเด็ก ที่ต้องการความสนใจและการดูแลด้วย
- ผู้รักอิสระ (Independent Mavericks) : ด้วยความที่พวกเขามีความเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเองสูงตั้งแต่เล็ก ทำให้พวกเขาชอบตัดสินใจด้วยตัวเอง ชอบการสำรวจและค้นหาสิ่งต่างๆ หากพวกเขาเติบโตมากับผู้ปกครองที่ให้อิสระทั้งการแสดงออกและการดูแลตัวเอง ก็จะมีจิตวิญญาณของการพึ่งพาตนเอง และความเป็นปัจเจกสูง
- พ่อมดผู้ประกอบการและสร้างสรรค์ (Entrepreneurial and Creative Wizards) : ด้วยความที่พวกเขาเป็นนวัตกรโดยธรรมชาติ ชอบคิด ฝัน และเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีสร้างสิ่งต่างๆ ให้เป็นจริง จากการวิจัยพบว่า 76% ของ Gen Alpha ต้องการเป็นนายตัวเอง มีเพียง 13% ที่ชอบการเป็นลูกจ้างแบบเดิม แสดงถึงแนวโน้มการเป็นผู้ประกอบการ หรือการแสวงหาอาชีพหลากหลายอื่น นอกเหนือจากเส้นทางอาชีพแบบดั้งเดิม
- ผู้ใช้อารมณ์และความรู้สึกนำ (Emotionally and Psychologically Driven) : ด้วยสังคมออนไลน์ มีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของชาว Alpha พวกเขาใช้อารมณ์และความรู้สึกเป็นตัวนำในการตัดสินใจและกระทำสิ่งต่างๆ จึงต้องใช้โซเชียลในการแสดงออกอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต และสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบประสบการณ์ ที่สร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมได้
- ผู้มีข้อมูลท่วมท้น (Data and Information-drenched) : ด้วยความที่พวกเขาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เข้าถึงง่ายและมีเนื้อหามากมาย ความสนใจในเรื่องต่างๆ จึงหล่อหลอมโลกทัศน์ของพวกเขาสร้างความคุ้นเคยกับเครื่องมือดิจิทัลตั้งแต่อายุยังน้อย และส่งผลให้เกิดความคาดหวังในการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ในทันที
- ผู้ปรับตัวอย่างว่องไว (Nimble Chameleon) : ชาวอัลฟ่าไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่เด็ก จึงแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นในการปรับตัว และเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ พร้อมยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และฟื้นตัวได้เร็วเมื่อเผชิญกับความท้าทาย
- ส่วนผสมของ X Y และ Z (Combination of Gen X, Y and Z) : เพราะพวกเขาเติบโตมากับคนทุกเจน จึงผสมผสานคุณลักษณะเฉพาะจากรุ่นก่อนๆ โดยมีจิตวิญญาณที่เป็นอิสระของ Gen X มีความคล่องแคล่วด้านดิจิทัล และจิตวิญญาณของผู้ประกอบการของ Gen Y และกรอบความคิดที่ใส่ใจต่อสังคมของ Gen Z ก่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ของตนเองในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ชาวอัลฟ่า จึงต้องมีรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสม เพื่อปรับตัวให้เหมาะกับอนาคตได้ นั่นคือ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม (Teamwork) พัฒนาทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) การคิดเชิงนวัตกรรม (Innovation Thinking) ความฉลาดรู้ในการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Literacy) และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
ทั้งนี้ สังคมและครอบครัวจึงต้องเพิ่มช่วงเวลาการเรียนรู้แบบอิสระ ควรเพิ่มเติมความตระหนักรู้เกี่ยวกับโลก (Global Awareness) การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลาย (Cross-Cultural Competence) และความฉลาดรู้ด้านสุขภาพจิต (Mental Health Literacy) และควรให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากการศึกษาแบบดิจิทัลเป็นฐานและเรียนรู้บนดิจิทัลเพื่อให้โต้ตอบและรองรับการเรียนรู้รูปแบบสใหม่ๆ หลากหลายเพื่อช่วยส่งเสริมความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น
กลยุทธ์ทางการตลาดที่ควรปรับใช้กับชาวเจน Alpha
การตลาดที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในยุค 2025 หนีไม่พ้นเรื่องของการ LIVE ผสมผสานกับ Influencer Marketing ถือว่าเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด 92% ของนักการตลาดเชื่อว่า การตลาดอินฟลูฯ เป็นเทคนิคการตลาดที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการรับรู้ และกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคกว่า 50% มักใช้สินค้าตามที่อินฟลูเอนเซอร์เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ให้ได้ผลดีที่สุด และนี่คือแนวทางที่ควรนำไปปรับใช้อย่างเหมาะสม
เลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีช่วงอายุใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมาย
แบรนด์รู้อยู่แล้วว่าการทำการตลาด Influencer นั้น แบรนด์จะต้องเลือกอินฟลูฯ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง โดยเฉพาะ Generation Alpha ที่มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ และเป็นเจนที่ต้องการความเท่าเทียม สื่อสารด้วยเหตุผล การเลือก ใช้ Influencer ที่มีอายุใกล้เคียงกับ Generation Alpha อย่างเช่น Influencer Gen Y, Influencer Gen Z หรือ Influencer Gen Alpha ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะเจนเหล่านี้มีอายุที่ใกล้เคียงและใกล้ชิดกับเทคโนโลยีเหมือนเจนอัลฟา ทำให้การสื่อสารที่ออกมาคลิกกันง่ายกว่า
ระบุให้อินฟลูเอนเซอร์ทำคอนเทนต์ที่จริงใจ
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Gen Alpha เอง ยังไม่มีกำลังในการใช้จ่ายเหมือน Gen อื่น ๆ แต่พวกเขามีอิทธิพลต่อคนรอบข้างโดยเฉพาะผู้ปกครอง หากใช้ Influencer Marketing แบรนด์ควรเลือกอินฟลูฯ ที่เล่าเรื่องจริงใจ มีความน่าเชื่อถือ เพราะเจเนอเรชันอัลฟา พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เอง มีการตัดสินใจเองว่าจะเลือกเชื่อในสิ่งไหน หากแบรนด์เลือกใช้อินฟลูฯ ที่ทำคอนเทนต์น่าเชื่อถือ มีจุดยืนแบบเดียวกันกับเด็กเจนอัลฟา จะยิ่งเพิ่มความต้องการมีสินค้ามาครอบครอง และโน้มน้าวให้ผู้ปกครองสั่งซื้อสินค้าของแบรนด์นั่นเอง
เลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์สายเกมเป็นหลัก
แม้ว่า Generation Alpha จะมีความสามารถในการใช้เทคโลยี และหาข้อมูลที่ต้องการผ่านโลกดิจิทัลได้เอง แต่ตามธรรมชาติของเจนอัลฟา มีความหลงใหลในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือพื้นที่ในการสร้างตัวตนเสมือนของตัวเอง และเลือกเล่นเกมมากกว่าการใช้โซเชียลมีเดียอื่น ๆ ดังนั้นหาแบรนด์ต้องการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มนี้ควรมีกลยทุธ์ Game Marketing เพื่อใดึงดูดให้เด็กเจนนี้สนใจแบรนด์มากขึ้น
วิธีการทำคอนเทนต์ต้องสนุกและโดนใจ
ถ้าจะเจาะกลุ่ม Gen Alpha ต้องจำรูปแบบการทำคอนเทนต์นี้ไว้ เพื่อให้ทำเนื้อหาออกมาตรงกับความต้องการของชาวเจนอัลฟ่าได้ดีที่สุด ควรประกอบด้วย
- เนื้อหาจรรโลงใจ สนุกสนานและเป็นมิตร ควรสอดแทรกความอารมณ์ขันเข้าไปด้วย
- คอนเทนต์ต้องโต้ตอบได้ ดึงดูดสายตาหรือสร้างเอนเกจให้สนใจดูนานขึ้นกว่าเดิม
- แบรนด์ต้องมีความจริงใจ เพราะยุคนี้การตรวจสอบความจริงใจแบบปลอมๆ ไม่ใช่เรื่องยากและดิจิทัลฟุตปริ้นท์ก็เป็นเรื่องสำคัญ
- ใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่โดนใจและพวกเขาติดตามบ่อยๆ เพราะจะช่วยขยายฐานแบรนด์ได้ดีกว่าการเลือกคนกลุ่มเดิมๆ
- เปิดใจใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มใหม่ๆ ตลอดเวลาเพื่อเชื่อมความห่างของช่วยวัยนานขึ้น