ความนิยมในการใช้เครื่องมือค้นหา หรือว่า Search Engine ที่เราคุ้นเคยกันอย่าง Google กับ Bing มีมากจนใครก็ตามที่ทำเว็บ แล้วอยากให้คนเข้ามาเยี่ยมชมผ่านทาง Search Engine มากขึ้น ก็จะต้องเตรียมโครงสร้างของเว็บให้สอดคล้องกับแนวทางที่ Search Engine ชอบ มันจะได้จัดเรียงให้เว็บไซต์ของเราติดลำดับต้นๆ ของผลการค้นหา ซึ่งส่งผลให้คนค้นพบเว็บไซต์ของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น วิธีดังกล่าวเรียกกันในหมู่คนทำเว็บว่า Search Engine Optimization หรือสั้นๆ ว่า SEO แต่ปัญหาหนึ่งที่เจอก็คือเว็บไซต์ที่ทำตามใจ Search Engine มากเกินไปก็มักจะมีเนื้อหาและหน้าตาดูประหลาดๆ เหมือนอย่างภาพด้านล่างนี้ที่เต็มไปด้วย Tag? ให้ Bot อ่าน ไม่ได้ทำให้คนอ่าน ดูแล้วช่างน่าเวียนหัวยิ่งนัก แต่จะเลิกทำก็ลำบากเพราะเว็บไซต์บางแห่งมีคนเข้ามาใช้งานผ่าน Search Engine ถึง 80-90%
น่าดีใจอย่างหนึ่งว่าโลกของคนทำเว็บกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เพราะตอนนี้แหล่งที่มาของแทรฟฟิคในการเข้าเว็บไซต์ไม่ได้มีเพียงแค่ Search Engine อีกต่อไป ทว่าตอนนี้เราเห็นแทรฟฟิคส่วนหนึ่งมาจากเว็บไซต์แนว Social Media อย่าง Facebook และ Twitter
ความเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เราต้องหันมาให้ความสำคัญในการจัดโครงสร้างเนื้อหาให้คนอ่านมากกว่า Search Engine อ่านเพียงอย่างเดียวอย่างที่ผ่านมา เพราะ traffic ที่มาจาก Social Media จะมีระดับของ audience engagement ที่ดีกว่า Search Engine ด้วย เพราะมีการสำรวจมาแล้วว่า เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดีๆ จากผู้ผลิตหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ส่วนใหญ่จะมี bounce rates สูง (หมายถึงคนที่เข้าเว็บเราครั้งเดียวแล้วออกไปเลย เพราะเข้ามาดูมาอ่านแล้วจบกัน) และจากการสำรวจพบว่าเว็บไซต์ใหญ่ๆ เหล่านี้แม้จะมี traffic จาก Search Engine สูงกว่าแหล่งอื่น แต่ Time spent ก็ต่ำเช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือคนที่อ่านเว็บไซต์ของเรา และได้รับการอ้างอิงมาจาก Search จะอยู่กับเว็บไซต์เราไม่นานเท่า Social Media
ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่น่าแปลกใจอะไร คนที่รู้จักเว็บไซต์ของเราผ่านทาง Search Engine ก็เพราะเสิร์ชด้วยคีย์เวิร์ดเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ แต่ถ้า Google มันทำงานได้สมบูรณ์แบบ เราก็คงไม่ต้องเข้าไปในเว็บไซต์เพื่อหาสิ่งที่เราต้องการ เสิร์ชแป๊บๆ ก็เจอ แต่ในขณะเดียวกันคนจะหาบทความหรือวิดีโอดีๆ ด้วย Search Engine ได้อย่างไรถ้าคนๆ นั้นไม่รู้ว่าบทความหรือวิดีโอแบบนั้นมันมีอยู่ในโลกด้วย? Search Engine ช่วยเราได้ถ้าหากเรารู้ว่าจะเสิร์ชว่าอะไร แต่มันไม่ใช่จุดเริ่มต้นอย่างธรรมชาติในการค้นหาเนื้อหาดีๆ
สิ่งที่น่าคิดก็คือต่อไปนี้คนทำเว็บจะคิดอยู่แค่ว่าทำ SEO อย่างเดียวคงไม่พอ แต่เราต้องทำ SEM ด้วยการรู้จักทำให้เนื้อหาในเว็บไซต์ของเราเข้าไปถึงคนในวงกว้าง และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือพอคนเข้าไปในเว็บไซต์ของเราแล้ว จะทำอย่างไรให้เขาค้นพบเรื่องดีๆ อื่นๆ ในเว็บไซต์ของเราอีก ทำอย่างไรให้อยู่ได้นานขึ้น? ดีที่ว่าเรามีเทคนิคอยู่หลายอย่าง และเทคนิคพวกนี้ก็ไม่ได้ยากจนเกินเราจะทำได้เสียด้วยสิ มี 4 ข้อ มาดูกัน
1. พาดหัวให้ดีขึ้น
เวลาเขียนบทความ หรือข่าวพาดหัว แน่นอนว่าต้องพาดให้โดนใจและปลุกเร้าความสนใจของคนที่จะเข้าไปอ่านบทความหรือข่าวนั้นๆ โดยที่ไม่ต้องให้ความสำคัญอะไรกับ ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด (keyword density) และ จำนวนคีย์เวิร์ดที่ซ้ำกัน ( keyword repetition) พาดหัวที่ดีจะช่วยเพิ่มจำนวนคลิก โดยเฉพาะ Social network อย่าง Twitter ที่คนไม่เห็นรูป แต่เห็นพาดหัวที่เราพิมพ์เข้าไปสั้นๆ ไม่เกิน 140 ตัวอักษร จะเรียกความสนใจได้หรือไม่ก็อยู่ที่การพาดหัว ยกตัวอย่างนะครับ อย่างนิตยสาร Cosmo รู้ว่าคนอ่านชอบให้ลิสต์ออกมาว่า ?9 เหตุผลที่คนเราชอบจังค์ฟู๊ด? จะเรียกความสนใจได้มากขึ้น (และมันก็ดูตลกๆ ตรงที่มีการสำรวจออกมาแล้วว่าไอ้การพาดหัวด้วยตัวเลขพวกนี้จะเพิ่ม Click-through rates หรือ CTR ได้ถึง 20%
2. ใส่ภาพดีๆ
การใส่ภาพ thumbnail ดีๆ ในบทความของคุณ เหมือนกับที่หนังสือพิมพ์และนิตยสารทำ และมันก็ยังเวิร์คสำหรับคนอ่านออนไลน์? เพราะเดี๋ยวนี้ Facebook ก็ดึงภาพ thumbnail ในบทความของคุณไปด้วย เวลาคุณคลิก share เรื่องนั้นๆ การเลือกรูปให้โดนใจจึงเป็นเรื่องสำคัญในการดึงคนอีกอย่างหนึ่ง เคยมีการสำรวจพบว่ารูป thumbnail เมื่อประกอบเข้าไปกับพาดหัวข่าวแล้ว เราจะเห็นคนคลิกเพิ่มถึง 27% และมาเจอเนื้อหาดีๆ ในที่สุด
3. ยึดใจคนอ่านของคุณไว้ให้แน่น
ใช้พื้นที่ในหน้าเว็บของคุณอย่างฉลาด ในที่นี้เราตั้งใจที่จะโฟกัสในเรื่องแทคติคในการดึงคนใหม่ๆ เข้ามาในเนื้อหาของเรา แต่มันก็สำคัญพอๆ กันที่จะคิดว่าทำอย่างไรที่คนที่เข้ามาในเว็บเรา แล้วจะได้อ่านเนื้อหาดีๆ อื่นๆ ที่เรามีเพิ่มเติมอีก ซึ่งควรวิเคราะห์ไปอีกว่าลิงก์หรืออะไรก็ตามที่อยู่บนหน้าเว็บของคุณมีคนคลิกตรงจัดนั้นมากน้อยแค่ไหน จะได้รู้ว่าตรงไหนควรมีไว้ ตรงไหนควรเอาออก อย่างไรก็ตามพยายามหลีกเลี่ยงความคิดที่ว่าคุณสามารถยัดๆ เอาเนื้อหาอะไรใส่เข้าไปในหน้า “เยอะๆ” ถ้าคุณไม่ได้ engagement สูงกว่า 1% ตรงส่วนนั้น คนอ่านไม่ได้ชอบก็ทิ้งมันไปเถอะ ทำให้หน้าเว็บคลีนจะดีกว่า
4. สร้างเนื้อหาให้ดีที่สุดก่อนใคร
เขียนให้ดีและเขียนเอง เป็น original ของเราเองและนำเสนอก่อนใคร ตรงนี้คุณอ่านแล้วอาจจะบอกว่าพูดง่ายแต่ทำยาก แต่เนื้อหาสมัยนี้มันจะไปถึงคนวงกว้างได้จะต้องถูกบอกต่อ มีคนแนะนำและแชร์ออกไปเรื่อยๆ และเมื่อคนเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราแล้ว เขาพบว่ามีเนื้อหาดีๆ อีกก็จะอยู่อ่านต่อ
ทั้งหมดที่เขียนที่แปลมา เจ้าของบทความเขาเพียงแต่จะบอกว่าเราต้องออกแบบเนื้อหาของเราสำหรับคนอ่านครับ ไม่ใช่เพียงแค่ตัว crawlers ของ Search Engine ใครจะทำเว็บใหม่ เริ่มต้นด้วยโครงสร้างที่เหมาะสำหรับ SEO ก็ดีมากๆ ครับ แต่อย่าลืมทำเนื้อหาให้โดนด้วยหลัก 4 ข้อด้านบนนี้ด้วย 😀
ที่มา
เรื่อง: Mashable
ภาพ: all-sorts.biz