สำหรับใครที่มีโอกาสสังเกตปฏิทิน ตอนนี้เรากำลังจะเข้าสู่เดือน 8 กันแล้ว ซึ่งสำหรับหลายคนอาจต้องบอกกับตัวเองว่า เวลาผ่านไปรวดเร็วมากจริง ๆ และในเดือนที่ 7 ซึ่งกำลังจะหมดลงนี้ อาจถึงเวลาที่เราจะได้กลับมาทบทวนตัวเองว่า แผนการณ์ต่าง ๆ ที่เราเคยตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ได้ (บางคนเขียนเป็น To-Do-List) เอาไว้ตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว
เพราะจากข้อมูลการสำรวจของมหาวิทยาลัย Scranton พบว่า ผู้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่นั้น มีเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ที่สามารถทำได้สำเร็จตามที่ตั้งใจ ส่วนอีก 92 เปอร์เซ็นต์ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้
หากคุณเองกำลังเป็น 1 ใน 92 เปอร์เซ็นต์นั้นอยู่ เรามีคำแนะนำดี ๆ .ให้สามารถลุกขึ้นมาฝ่าฟันไปสู่เป้าหมายให้ได้ จาก MARCEL SCHWANTES ผู้ก่อตั้ง Leadership From the Core มาฝากกัน โดย Marcel ได้ให้คำแนะนำเอาไว้ว่า
1. ตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและท้าทาย (ไม่ต้องยากเกินไป)
งานวิจัยของ Edwin Locke และ Gary Latham พบว่า การตั้งเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง และท้าทายนั้นทำให้ โอกาสที่เป้าหมายจะสำเร็จนั้นมีมากขึ้น เนื่องจากคุณจะมีแรงจูงใจในการทำเป้าหมายนั้น ๆ มากขึ้น
เป้าหมายที่เจาะจงนั้นไม่ใช่แค่ว่า ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัมภายในปีนี้ แต่ต้องมีการระบุช่วงเวลาลงไปด้วยว่า ในเดือนสิงหาคม ฉันจะลดไปได้แล้ว 6 กิโลกรัม โดยการไม่กินของหวาน ฯลฯ เมื่อมีการระบุเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โอกาสที่คุณจะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จจึงมีมากขึ้น
ส่วนที่บอกว่า อย่าตั้งเป้าหมายยากเกินไปนั้นเพราะมันอาจไม่ได้ส่งผลดี กลับกลายจะเป็นภูเขาขนาดใหญ่ขวางกั้นไม่ให้คุณสำเร็จเสียอีกด้วย
2. มีความต้องการที่จะบรรลุเป้าหมาย
เหตุที่มีคนบรรลุเป้าหมายที่ตนเองเขียนเอาไว้เมื่อต้นปีแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ก็เพราะเขาต้องการมันอย่างจริงจัง ราวกับว่ามีเข็มทิศที่ล็อกเป้าหมายนั้นเอาไว้อย่างแน่วแน่ ดังนั้น จงถามตัวเองให้ดีว่า คุณสามารถแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายนั้นจริง ๆ หรือไม่ หรือถ้าหากว่าในระหว่างทางมีอุปสรรค คุณก็พร้อมจะยอมแพ้
3.หาผู้ให้คำปรึกษาที่ไว้ใจได้
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่จะประสบความสำเร็จแต่เพียงลำพัง รอบ ๆ ตัวเขามักมีผู้ให้คำปรึกษา คอยเอาใจช่วยเขาอยู่มากมาย ซึ่งกำลังใจเหล่านั้นเองคือตัวช่วยเกื้อหนุนให้คน ๆ หนึ่งประสบความสำเร็จในที่สุด
4. อย่าทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน
ผู้ที่ประสบความสำเร็จได้นั้น เขาจะไม่เลือกทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า การทำงานแบบ Multitasking ไม่ใช่วิธีการนำพาไปสู่ความสำเร็จแต่อย่างใด ที่สำคัญมีงานวิจัยว่า การทำงานแบบ Multitasking นั้นอาจทำลายสมองของเราด้วย แถมยังทำให้งานที่ทำมีคุณภาพลดลง และทำให้การก้าวสู่เป้าหมายของเรานั้นช้าไปอีกต่างหาก
5. ตั้งใจและทำไปอย่างต่อเนื่อง
ผลการวิจัยระบุด้วยว่า คนที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นว่าต้องเกิดในตระกูลที่เพียบพร้อม แต่เพราะว่าเขาตั้งมั่นในสิ่งที่ต้องการ และทำมันอย่างต่อเนื่อง จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจ
ที่สำคัญ อย่าเพิ่งท้อแท้กับตัวเอง เพราะเราทุกคนต่างเป็นมนุษย์กันทั้งสิ้น เมื่อวันที่เหนื่อยและอยากยอมแพ้ผ่านเข้ามา เราอาจจะอยากลืมเป้าหมายทุกอย่างและหยุดพัก แต่เมื่อหายเหนื่อยก็ขอให้ลุกขึ้นมาได้ใหม่ และทำเป้าหมายนั้นต่อไปด้วยความตั้งใจไม่ต่างจากเดิม เชื่อว่าเป้าหมายคงบรรลุได้ในสักวัน
ที่มา Inc