ช่วงสุดสัปดาห์กลับมาเจอ thumbsup กันเหมือนเคยนะครับ เลยมาถึงไตรมาส 3 แล้ว พวกเรามีเวลาอีกแค่ไตรมาสเดียว ที่จะทำให้ถึงเป้าที่เราวางไว้กับบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าการจะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจเหล่านั้นย่อมต้องทำอะไรบน Social เยอะมากๆ เพราะ Social เป็นช่องทางสื่อสารหลักของเราไปแล้ว แต่ก็เพราะมันนี่แหละ ที่มีส่วนทำให้เรากลายเป็นคนที่อุดมไปด้วยดราม่า ต้องมานั่งอ่านการด่าทอกัน แล้วทำอย่างไรล่ะที่เราจะบรรลุเป้าหมายของเราโดยไม่กลายเป็นคนประสาทเสียกันไปเสียก่อน สุดสัปดาห์นี้ thumbsup เลยขอนำเสนอ วิถีทางการดำรงชีวิตบน Social ได้อย่างมีความสุข
จงเลือกที่จะ Follow และ Unfollow อย่างพินิจพิเคราะห์
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า พวกเราเป็นค่าเฉลี่ยรวมกันของ 5 คนที่เราอยู่ด้วยมากที่สุดไหมครับ นอกจากคนที่เราอยู่ด้วย 5 คนแล้ว ยุคนี้คงต้องบอกว่า 5 คนที่เราเลือกติดตามและ Inbox คุยด้วยบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งเลยล่ะ
ลองนึกภาพเวลาเราไถ Facebook Newsfeed, Twitter feed, LINE Group ของเรา การที่มันจะมีอะไรมาโชว์ก็ขึ้นอยู่กับคนที่เราติดตามหรือพูดคุยด้วยบ่อยๆ ดังนั้นนอกจากเพื่อน ญาติพี่น้อง เพื่อนที่ทำงานแล้ว เราอาจจะพิจารณาติดตามคนที่เราชื่นชอบในความคิดความอ่านในแบบที่เราต้องการที่จะเป็นด้วย เช่น กด See First เพจที่มีความคิดด้านบวก กด Follow Twitter account ที่ไม่ได้เอาแต่เสียดสีคนอื่น เพราะนอกจากเราจะเจอ Content ที่ดีแล้ว มันก็จะลดโอกาสที่เราจะเจอ Content จากแหล่งข้อมูลคุณภาพไม่ดีไปด้วยในตัว
เช่น ผมชอบงานเขียนของคุณวินทร์ เลียววาริณมาก เพราะเขามักจะมีมุมมองคมๆ สอดคล้องกับสถานการณ์สังคมเสมอ แต่ผมเลือกที่จะไม่ Follow เพจดราม่าต่างๆ ที่แสดงความคิดเห็นในแง่ลบ
หรือพูดสั้นๆ ง่ายๆ ว่าในวันๆ หนึ่งเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคน แต่การที่เราจะใช้ชีวิตบน Social อย่างไรให้มีความสุข ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการเลือก Follow และ Unfollow อย่างพินิจพิเคราะห์นั่นเอง
โพสต์แต่สิ่งที่เป็นความจริง ความดี และมีประโยชน์
บางคนอาจจะบอกว่าข้อนี้โคตรอุดมคติเลย (ถ้าจะให้แซวตัวเองบ้าง ผมบอกเลย น้องๆ ที่บริษัทชอบแซวผมว่าผมเป็นพวกโลกสวยครับ) แต่เอาจริงๆ ผมว่าผมเองก็ผ่านโลกมาพอสมควรนะ โลกนี้มันไม่ได้งดงามอะไรขนาดนั้นหรอก เวลามีปัญหาอะไรทีนึงเราก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและแก้กันไปทีละเปลาะ แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกให้โลกรู้ว่าเราอยากจะก่นด่าใครเรื่องอะไร
สำหรับช่องทาง Social… ถ้าเรากลับไปดูความจริงพื้นฐานง่ายๆ การโพสต์ว่าร้าย โกหก นินทา ส่อเสียด หรือการทวีตด่าว่าใครลอยๆ บนช่องทาง Social แบบไม่ mention มันเป็นสิ่งที่เข้าใจได้โดยสามัญสำนึกอยู่แล้วว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไร รังแต่จะทำให้คนอื่นรู้สึกจิตใจย่ำแย่ลง
เช่น เราทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน เขาคิดไม่เหมือนกับเรา เราก็เลยโพสต์ออกไปว่า “เซ็งมากพูดไปก็ไม่มีใครฟัง จะอยู่ไปเพื่ออะไร” คนที่โพสต์แบบนี้ลึกๆ อาจจะรู้อยู่แล้วว่าคนรอบข้างคงจะเห็นอยู่แล้ว และรู้สึก “สะใจ” ที่ได้ทำ แต่ถ้ามองไปอีกขั้นจริงๆ แล้วเราก็ควรจะคิดได้ว่า Social ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว แต่มันคือพื้นที่สาธารณะต่างหาก คนที่อ่านและติดตามเราอาจเอาไปตีความเสียหายอย่างอื่น และไม่ได้ดีกับตัวเราเลยก็ได้ แทนที่จะโพสต์อะไรแบบนั้นสู้เราคุยเปิดอกกับคนที่เรามีปัญหายังจะดีกว่า
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การที่เราจะใช้ชีวิตบน Social อย่างไรให้มีความสุข เราจึงไม่ควรว่าทำร้ายใครในพื้นที่สาธารณะ เพราะนอกจากจะสร้างความรู้สึกหดหู่รอบๆ ตัวแล้ว มันยังไม่ได้ดีกับอารมณ์เราเองและอารมณ์ของใครเลย ก่อนจะโพสต์อะไร ลองถามตัวเองเล่นๆ ว่ามันเป็นความจริงไหม? ดีกับใครไหม? มีประโยชน์กับใครหรือเปล่า?
ใช้ Social สร้างประโยชน์อะไรสักอย่างบ่อยๆ
Social Media ถ้าใช้มันในทางดีอย่างเอาไปทำ Social Good อย่างที่ตูน Bodyslam วิ่งรับเงินบริจาคมันก็ดีกับคน แต่ถ้าเอาไปนัดแนะกันทำชั่วมั่วสุมมันก็กลายเป็นช่องทางของความชั่ว เราเลยปฎิเสธไม่ได้ว่า Social Media มันเป็นเครื่องมือในการมีปฎิสัมพันธ์กับคนในสังคมได้อย่างทรงพลัง ซึ่งถ้าหากเรามองว่า Social นั้นเป็นมากกว่าเป็นเพียงช่องทางอะไรสักอย่างที่เราระบายความคิด ความรู้สึก มันก็จะทำให้หมู่มวลอารมณ์ของสังคมและตัวเราดีขึ้น และส่งผลกลับมาที่ความสุขในใจของเราในที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนรักน้องหมา เจอน้องหมาถูกรถชนบาดเจ็บ คุณพามันไปหาหมอ หมอคิดค่าผ่าตัด 10,000 บาท คุณเลยโพสต์ลง Social เพื่อขอเงินบริจาคช่วยเหลือมันจากเพื่อนๆ เพื่อพอจ่ายค่าหมอ แม้มันจะเป็นสิ่งเล็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำแล้วเติมเต็มความรู้สึกคุณในทางบวก และเป็นการชักชวนคนรอบตัวมาทำประโยชน์อะไรด้วยกัน
ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ ง่ายๆ จะคิด จะพูด จะทำอะไรบน Social ถ้าเรารักษาให้มันบวกไว้ได้ ใจเราจะบวก คนรอบข้างก็บวก ชีวิตเราก็จะบวก
You are what you publish
iPhone สมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงสุดคุ้ม คลิกเลย