อ่านจากชื่อบทความแล้วอาจจะคิดว่า Thumbsup กลายเป็นเว็บไซต์เพื่อสุขภาพไปแล้วรึเปล่า ไม่ใช่ค่ะ บทความที่กำลังจะนำเสนอนี้มีแนวคิดว่าสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมสำหรับการทำงาน เช่น ความง่วง ความมึนงง ความไม่มีสมาธิ อาจจะเป็นผลมาจากอาหารที่เรากินเข้าไปก็ได้ ถือว่าเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าจะเอาไปลองทำกันดูนะคะ
หลายๆ คนมักจะคิดว่าอาหารเป็นแค่สิ่งที่ให้พลังงาน แค่กินให้อิ่มเหมือนเติมน้ำมันให้เต็มถังแล้วกลับไปลุยงานต่อ แต่มันมีความหมายแค่นั้นจริงๆ หรือ?
Ron Friedman ผู้เขียนหนังสือ Best Place To Work บอกว่าการคิดเพียงแค่กินให้อิ่มถือเป็นความผิดพลาด เพราะอาหารบางอย่างอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานพุ่งกระฉูดได้หลายเท่าตัว และอาหารบางอย่างก็เป็นตัวฉุดประสิทธิภาพในการทำงานเช่นกัน
คุณอาจจะคิดไม่ถึงว่าอาการมึนงง ง่วง ไม่มีสมาธิ สัปหงก ที่เกิดขึ้นในเวลางานจนทำให้การทำงานไม่ราบรื่นอย่างที่ตั้งใจนั้นมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกิน
ยกตัวอย่างเช่น อาหารประเภทพาสต้าหรือเครื่องดื่มประเภทโซดา อาจจะให้พลังงานได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แล้วมันจะหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันจะทำให้คุณหิวแล้วหิวอีกขณะที่กำลังทำงาน ในขณะที่เบอร์เกอร์ แซนด์วิชเบค่อน หรืออาหารไขมันสูงประเภทอื่นๆ ก็อาจจะให้พลังงานเยอะ แต่ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานหนักขึ้น นั่นคือที่มาของอาการงงงวยและง่วงนอน อาหารเหล่านี้ยังมีกลูโคสในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งเมื่อคุณมีกลูโคสในร่างกายต่ำจนเกินไป ก็อาจะทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่สามารถโฟกัสกับอะไรนานๆ ได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยิ่งคุณหิวมากแค่ไหน คุณก็ยิ่งอยากจะกินอาหารประเภท junk food มากขึ้นเท่านั้น เหตุผลเบื้องหลังคือเมื่อเราหิวจัด สมองจะสั่งการให้เลือกอาหารที่ให้พลังงานสูงๆ มากกว่าอาหารที่ให้พลังงานในระดับปกติ พูดง่ายๆ คืออาการหิวจนหมดแรงมักจะส่งผลให้คุณตัดสินใจได้แย่ลงนั่นเอง
โจทย์คือคุณจะต้องหลีกเลี่ยงอาการหิวจนหน้ามืดให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงว่าจะตัดสินใจผิดพลาดทั้งในเรื่องงานและในเรื่องกิน
Friedman กล่าวว่าเราควรจะวางแผนการกินล่วงหน้าเอาไว้บ้างเพื่อลดความเสี่ยงที่จะตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องงาน เพียงเพราะเราเลือกกินอาหารที่ฉุดประสิทธิภาพในการทำงานลงโดยไม่ตั้งใจหรือจำใจ
อย่าลืมนะคะว่าความสำเร็จในทุกๆ เรื่องไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือความบังเอิญ คนที่ประสบความสำเร็จมักจะสร้างแบบแผนพฤติกรรมที่ดีและทำจนเป็นกิจวัตร
นี่คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณน่าจะลองทำเพื่อลดความเสี่ยงที่จะหิวจนหน้ามืดตาลายค่ะ
- คิดตั้งแต่ก่อนจะหิวว่าต้องกินอะไร เช่น ตัดสินใจตั้งแต่เวลา 10.30 ไม่ใช่ 12.30 เพราะคนเราจะควบคุมความหิวในอนาคตได้ดีกว่าความหิว ณ ปัจจุบัน เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะเคยเป็น พอหิวจนตาลายก็อยากคว้าอาหารที่เห็นตรงหน้าทุกอย่างเข้าปาก โดยที่ลืมคิดไปว่าบ่ายนี้มันอาจจะทำให้เรานั่งสัปหงกในที่ประชุม
- หาของว่างที่มีประโยชน์มาเก็บไว้ใกล้ๆ ตัว เช่น ลูกเกดหรืออัลมอนด์ หรือซีเรียลบาร์ที่ไม่หวานจัด หรืออาจจะซื้อกล้วยที่ยังไม่สุกมาเก็บไว้ตั้งแต่วันจันทร์ เพื่อที่ตลอดสัปดาห์จะได้กินกล้วยสุกเป็นของว่างระหว่างมื้อ เป็นต้น
คนทำงานออฟฟิศที่มักจะเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนยามบ่ายมักจะแก้ปัญหาด้วยการดื่มกาแฟ ซึ่งนั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนะคะ ลองแก้ปัญหากันที่ต้นเหตุดู อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายด้วย
ที่มา : Inc.com