Site icon Thumbsup

Gen C นิยามกลุ่มผู้บริโภคใหม่ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล จากสายตาของคอนโดมีเนียมมาแรง IDEO

Gen C 1

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ทีมงานของ thumbsup ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเปิดตัวแนวคิวคอนโดมีเนียมสำหรับคนยุคดิจิทัลอย่าง IDEO ที่หลายๆ คนคงเคยเห็นผ่านตากันดีอยู่แล้ว (โดยเฉพาะคนที่เดินทางด้วย BTS บ่อยๆ) จุดที่น่าสนในของงานครั้งนี้ต้องบอกเลยว่ามันเริ่มตั้งแต่การนิยามกลุ่มผู้บริโภคกันใหม่ก่อนที่จะกลายมาเป็นการพัฒนาตัวคอนโดมิเนียม และนิยามใหม่ที่ว่านั้น ก็คือกลุ่ม Gen C หรือ The C Generation นั่นเอง

Gen C หรือ The C Generation เป็นการสังเกตพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัลที่มีไลฟ์สไตล์หรือการดำเนินชีวิตที่ค่อนข้างเร่งรีบและอยู่บนปัจจัยทางด้านแนวคิดที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการมองหาความสะดวก ความคิดสร้างสรรค์ หรือแม้แต่ความสามารถในการควบคุมเวลาของตัวเองได้อย่างเต็มที่ จึงกลายมาเป็นแนวคิด 6C ที่สามารถอธิบายไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในเมืองกรุงได้อย่างครบถ้วน

แนวคิด 6C ของ Gen C นั้นประกอบไปด้วย

  1. Cash Smart – ฉลาดคิด ฉลาดบริหารเงิน เพราะคนรุ่นใหม่ไม่ได้มองแค่การเก็บเงินไว้นิ่งๆ อีกต่อไป แต่มองหาลู่ทางในการต่อยอดจากสินทรัพย์ที่ตัวเองมีอยู่ รวมถึงการใช้เงินให้ได้ผลประโยชน์อย่างสูงสุดด้วย
  2. Convenience – ชีวิตสะดวกสบาย ข้อนี้เห็นได้ชัดเจนเพราะคนกรุงรุ่นใหม่ๆ ต้องการความสะดวกสบายเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย การเดินทาง การเลือกซื้อสินค้า หรือแม้แต่การนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือสบายๆ นอกจากนั้นสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการจัดการชีวิตด้วยเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านเว็บ ผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ช่วยให้การจัดการสะดวกขึ้นกว่าที่เคยเป็น
  3. Creative – สนใจรายละเอียดและงานออกแบบที่ดูดีมีสไตล์ จะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่มักให้ความสำคัญกับเรื่องดีไซน์ การใส่ศิลปะเข้าไปในงานต่างๆ มากขึ้น รวมถึงสินค้า ที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่การใช้งานต่างๆ ต้องมีจุดขายมากกว่าแค่การใช้งานทั่วไป
  4. Casual – ความสมดุลของการใช้ชีวิตระหว่างงานและเรื่องส่วนตัว เราจะได้ยินคำว่า work life balance บ่อยจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะการจัดการให้ได้ความสมดุลที่ลงตัวทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกมีคุณค่าและได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้ชีวิตประจำวันนั่นเอง
  5. Control – การจัดการเวลาและชีวิตของตัวเองได้ คือการแบ่งปันเวลาระหว่างการใช้ชีวิต การทำงาน และเวลาเล่นได้อย่างลงตัว ซึ่งคน Gen C มองหาวิธีใหม่ๆ ในการจัดการความลงตัวนี้อยู่เสมอ
  6. Connect – เชื่อมต่อชีวิต 24 ชม. ข้อนี้คงเป็นข้อที่ชัดเจนมากที่สุดอีกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตแบบออนไลน์ การเข้าถึงข่าวสาร การพูดคุยกับเพื่อน ฯลฯ ซึ่งข้อจำกัดเรื่องเวลาและระยะทางกลายเป็นเรื่องที่เล็กลงเรื่อยๆ ในทุกวันนี้

และจาก 6 ข้อนี้แล้ว 6C ยังสามารถแบ่งเป็นกลุ่มอายุได้ถึง 3 กลุ่มย่อย ดังนี้

  1. Baby Gen C มีช่วงอายุตั้งแต่ 18 – 24 ปี ซึ่งก็ได้แก่วัยรุ่นจนช่วงมหาวิทยาลัยจนถึงชีวิตเริ่มทำงานใหม่ๆ
  2. Bachelor Gen C มีช่วงอายุตั้งแต่ 25 – 34 ปี เป็นช่วงวัยทำงานระดับพนักงานจนถึงผู้บริหารระดับกลาง ที่ยังมีไลฟ์สไตล์ค่อนไปในแบบตัวคนเดียว
  3. Marriage Gen C มีช่วงอายุ 35 – 44 ปี เป็นช่วงที่มีครอบครัวและมองหาความมั่นคง รวมถึงมองหาคำตอบสำหรับการมีลูกด้วย

และหลังจากที่ Ananda ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมีเนียม IDEO เองได้มองเห็นกลุ่มเป้าหมายใหม่นี้อย่างชัดเจน จึงได้ออกแบบคอนโดมีเนียมอย่าง IDEO ออกมาให้ตอบสนอง Gen C อย่างลงตัวที่สุด ซึ่งจุดแข็งของ IDEO ก็คือการที่ตัวคอนโดมีเนียมตั้งอยู่ภายในระยะทางไม่เกิน 300 เมตรจากสถานี BTS โดยมีทั้งหมดถึง 20 โครงการ และระยะทางเฉลี่ยที่ผู้อยู่อาศัยต้องเดินไปถึง BTS นั้นเพียง 120 เมตรเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์เรื่อง Control และ Convenience ได้อย่างดี

ในขณะเดียวกัน ทุกโครงการของ IDEO จะมีร้านสะดวกซื้อ MaxValu ที่เปิดตลอด 24 ชม. รวมถึงร้านกาแฟ True Coffee ที่ตอบโจทย์เรื่อง Convenience และ Casual ได้อีกด้วย

ส่วน Creativity นี่ถือเป็นอีกจุดขายที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือการออกแบบห้องพักในแนวตั้ง และช่วยให้ผู้อาศัยบริหารพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

เอาเป็นว่าใครที่สนใจก็ลองไปหารายละเอียดเพิ่มเติมในฝั่งของตัวโครงการกันต่อเองได้ที่เว็บของ IDEO นะครับ แต่เราของนำภาพจากงานเปิดตัวแนวคิดมาฝากเล็กๆ น้อยๆ ครับ

เหล่า influencer และ blogger จากสื่อต่างๆ มากันหนาแน่นทีเดียว

สัมภาษณ์ผู้บริหารหนุ่ม คุณชานนท์ เรืองกฤตยา CEO ของ Anada Development

สัมภาษณ์เหล่า influencer จากโลกดิจิทัลชั้นนำ

และแน่นอนว่าต้องปิดท้ายด้วยธรรมเนียมของมนุษย์ดิจิทัล Gen C นั่นก็คือการถ่ายรูป selfie ร่วมกับผู้บริหารและพิธีกร

จากการไปงานครั้งนี้ ผมได้เห็นว่าความเป็นผู้บริโภคยุคดิจิทัลนั้นส่งผลต่อหลายๆ ธุรกิจและกำลังจะมีผลมากขึ้นเรื่อยๆ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เราไม่คิดว่าจะมีความเกี่ยวเนื่องกับโลกดิจิทัลสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเป็นดิจิทัล หรือความผูกพันกับโลกออนไลน์ที่เพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นส่งผลต่อธุรกิจเกือบทุกประเภทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และธุรกิจที่ปรับตัวเร็วกว่าเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและสร้างความผูกพันกับกลุ่มลูกค้าได้ก่อน

แนวคิด 6C นั้นถือเป็นการปรับและอัปเดทเนื้อหา consumer behaviors หรือพฤติกรรมผู้บริโภคให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่มีความเป็นดิจิทัลกว่าที่เคยเป็นมา นอกจากนั้นพฤติกรรมเหล่านี้ยังสามารถตอบภาพรวมของกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะในกรุงเทพเมืองหลวงของเรานี่เอง โดยเฉพาะในเรื่อง Convenience และ Control ที่ผู้บริโภคคนไทยเรามักจะให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และเราจะเห็นได้จากการที่บริการหรือแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาดนั้นจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของความสะดวกสบาย และเพิ่มความสามารถในการควบคุมให้กับผู้ใช้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรในการบริหารจัดการชีวิตให้เกินความจำเป็นจนเกินไป

นอกจากนั้น ในการเชิญแขกรับเชิญที่เป็นกลุ่ม influencer จากฝั่งดิจิทัลป็นหลักก็เป็นอีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง Ananda เริ่มรุกเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มตัว เพราะก่อนหน้านี้หากเราย้อนกลับไปไม่กี่ปี เราจะเห็นว่าเวลามีการจัดงานต่างๆ นั้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มักจะเชิญแขกที่เป็นผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจทั่วๆ ไป หรือไม่ก็เป็นดารา นักร้อง นักแสดง มาออกงานมากกว่าที่จะเป็นคนดังจากฝั่งดิจิทัล และที่สำคัญการที่ Ananda มีทีมงานดิจิทัลที่มาจากสายดิจิทัลเต็มตัว เราคงจะได้เห็นกิจกรรมที่น่าสนใจออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทีมงาน thumbsup เองก็ขอขอบคุณทาง Ananda Development ที่เชิญให้ไปร่วมงาน (และขอบคุณพี่ @tukko ที่ดูแลอย่างดี) หวังว่าหลังจากนี้ไปเราคงจะได้เห็นโลกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโลกดิจิทัลค่อยๆ วิ่งเข้ามาหากันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ