“Inbound Marketing” เป็นแนวคิดการทำการตลาดที่ทำให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาธุรกิจเอง ด้วยการสร้างแรงดึงดูดด้วยคอนเทนต์คุณภาพ บนช่องทางที่ถูกต้อง เพราะเชื่อว่า “ลูกค้าคุณภาพ มาจากการดึงดูดที่มีประสิทธิภาพ”
ซึ่งทาง thumbsup ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Inbound Marketing Talk 2019 ที่จัดโดยเว็บไซต์ Content Shifu ลองมาดูกันว่าแนวทางนี้จะสามารถนำมาใช้พัฒนาธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
Inbound Marketing คืออะไร ?
การที่ธุรกิจสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ แล้วส่งมอบคุณค่า เพื่อดึงดูด และเปลี่ยนให้คนอ่านกลายมาเป็นผู้ติดตามจนกลายมาเป็นลูกค้าเมื่อพร้อมซื้อ ซึ่งแม้ว่าจะกลายมาเป็นลูกค้าแล้วก็ยังคงมีการให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อในอนาคตอาจจะปิดการขายได้เพิ่มเติม รวมไปถึงการทำให้ลูกค้ามีการบอกต่อกับกลุ่มเพื่อนๆ ด้วย
ธุรกิจที่เหมาะทำ Inbound Marketing
สำหรับธุรกิจอยู่ 3 รูปแบบที่เหมาะกับวิถีทางการตลาดในรูปแบบนี้
- ธุรกิจ B2B เช่น เครื่องจักร หรืออุปกรณ์โรงงาน เพราะเป็นสินค้าที่มีความซับซ้อนสูง ทำให้การใช้ Inbound Marketing
ช่วยบอกว่าบริการ สินค้า ที่ขายอยู่นั้นคืออะไร - ธุรกิจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาให้ผู้คน เช่น ธุรกิจด้านการเงิน การศึกษา เพราะหัวใจของ Inbound Marketing
คือสร้างคอนเทนต์คือการให้ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา - ธุรกิจที่มีมูลค่าต่อชิ้นสูง เช่น อสังหาฯ จิวเวลรี่ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนาน และการทำ Inbound Marketing จะช่วยให้ธุรกิจของเราไปอยู่ในทุกลขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า
แนวทางในการทำ Inbound Marketing ให้ดี
ทาง Content Shifu ได้ให้ความเห็นถึงแนวทางการทำ Inbound Marketing สำหรับปี 2019 ให้ออกมาดีเอาไว้ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้
Mass is Bad, Niche is Bliss
มีการเล่าถึงตัวอย่างจากการทำงานของ Magnetolab ที่มีการกำหนดประเภทลูกค้าอย่างชัดเจนว่าเป็น CEO ของบริษัทที่มีรายได้ต่อปีกว่า 100 ล้านบาท และควรตั้งเป้าไปที่การสร้าง Buyer Persona เพื่อทำความเข้าใจกับลูกค้าของคุณให้ดีว่าพวกเขาชอบ หรือไม่ชอบอะไร โดยวิธีการนั้นได้จากการสัมภาษณ์ลูกค้าในปัจจุบัน หรือคนที่มีโอกาสจะกลายมาเป็นลูกค้า ว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร
Quality over Quantity
ถ้าหากไม่ได้อยู่ในธุรกิจสื่อก็ไม่ต้องโฟกัสเป้าหมายหลักไปที่ “จำนวน” ของการทำคอนเทนต์ แต่ควรตั้งเป้าไปที่ “คุณภาพ” เพราะคอนเทนต์ดีๆ 1 ชิ้นนั้นมีค่ามากกว่าคอนเทนต์ธรรมดาๆ 100 ชิ้นเสียอีก
ยกตัวอย่าง
เว็บไซต์ BACKLINKO ซึ่งเป็นเว็บไซต์แชร์ความรู้ด้วยการทำ SEO ที่มีคอนเทนต์จำนวนเพียง 40-50 คอนเทนต์ แต่เรียกได้ว่าทุกตัวเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมาก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือทุกๆ เดือนจะมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของพวกเขามากกว่า 1,000,000 ครั้งต่อเดือน
Content Shifu ได้แนะนำว่ามีอีกสิ่งที่สำคัญกว่า “คุณภาพ” นั่นคือ “ความสม่ำเสมอ” ซึ่งวงกลม 3 วงด้านล่างประกอบด้วยคุณภาพ ปริมาณ และความสม่ำเสอม โดยหากคุณยังทำในจุดที่ 1 ไม่ได้(การผลิตคอนเทนต์คุณภาพในปริมาณที่มากอย่างสม่ำเสมอ) ก็ให้ไปทำในจุดที่ 2 แทน หรือถ้าจุดที่ 2 ก็ยังยากเกินไปก็ขอให้เป็นในจุดที่ 3 ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ในวงกลมนั้นเป็นจุดที่ไม่ควรทำ
Data is Power
ใครที่เป็นเจ้าของข้อมูลจะกลายมาเป็นเจ้าของอำนาจ
ถ้าลองย้อนมองจะพบว่าเวลาเริ่มธุรกิจคนส่วนใหญ่มักเริ่มในพื้นที่ Social Media, Marketplace, หรือ Search Engines ทั่วไป แต่พื้นที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นพื้นที่ที่ดีในระยะยาว นั่นเพราะผู้ใช้ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของ Data โดยตรง และในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์แบบไม่คาดฝันที่ทำให้เราเข้าถึง Data ไม่ได้ก็ได้เช่นกัน
จึงควรมี Data ของตัวเองอยู่ในมือด้วย เพื่อการส่งมอบสิ่งมีคุณค่าและแลกข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ อีเมล เบอร์โทร ตำแหน่ง ชื่อบริษัท ซึ่งแตกต่างจาก Like, Follow, Friend Share ต่างๆ
โดยการจะได้มาซึ่ง Data นั้นมาจากการยื่นหมูยื่นแมว หรือสิ่งที่มีคุณค่าไปให้ก่อนแลกกับข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น การให้ E-book เพื่อแลกกับข้อมูล และพอได้ Data มาแล้วก็สามารถนำมา Personalizeation เพื่อส่งมอบสิ่งที่ใช่ให้คนที่ใช่ในเวลาที่ใช่นั่นเอง
No Tools, No Cool
- MindSet ต้องมองเรื่องของ Inbound Marketing ให้เป็น Long-term commitment
- SkillSET ความสามารถในการทำ Mindset ที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นจริง เช่น การเขียนคอนเทนต์ การทำ SEO
- ToolSET การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมเพื่อให้ 2 ข้อด้านบนเกิดขึ้นมาได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการเลือก Tools ดีๆ มาใช้ก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ และแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป
Softwares for Inbound Marketing
- Saleforce
- Marketo
- Adobe
- Hubspot
For SME
- Active campaign
- Infusionsoft
- SharpSpring
- Hatchbuck
Connector Tools
- Zapier
- PieSync
Case Study Is The Best Study
Inbound Marketing เกิดขึ้นมานานแล้วประมาณ 12-13 ปี ทำให้มีกรณีศึกษาที่ล้มเหลวและได้ผลมากมาย เราสามารถศึกษาข้อมูลจากคู่แข่งได้ทั้งอุตสาหกรรมเดียวกับเราแล้วนำจุดแข็งของเขามาประยุกต์ใช้ หรือไปดูในอุตสาหกรรมที่ต่างกัน เช่น ปัจจุบันทำธุรกิจอสังหาฯ ก็อาจไปศึกษาธุรกิจรถยนต์ เพราะเป็นของที่มูลค่าสูงเช่นกัน หรือถ้าทำธุรกิจให้คำปรึกณาด้านกฎหมาย ก็อาจไปดูวิธีการทำ Inbound Marketing ในธุรกิจการตลาดก็ได้ เนื่องจากเป็นลักษณะของธุรกิจที่ให้คำปรึกษาลูกค้าเช่นกัน
เครื่องมือสำหรับศึกษาคู่แข่ง
- BuiltWith ช่วยทำให้คุณเห็นว่าบริษัทที่คุณสนใจใช้เครื่องมือใดบ้าง เช่น ระบบ CRM ต่างๆ
- SimilarWeb รายงานว่าเว็บไซต์ที่สนใจมีกิจกรรมทางการตลาดใดบ้าง มียอดคนเข้าจำนวนเท่าไร หรือเข้าผ่านทางช่องทางไหนมากที่สุด มี Keywords ใดบ้าง ฯลฯ
Outbound & Inbound Reunited !
เพราะการทำ Inbound Marketing อย่างเดียวอาจไม่ได้ดีกับธุรกิจของเรา ซึ่งการทำ Outbound Marketing ก็มีคุณค่าเหมือนกัน จะเห็นได้ว่าการทำ Inbound Marketing เปรียบเสมือนการสร้างบ้านให้แข็งแรงจากการทำเว็บไซต์ของตัวเองให้ดี ผ่านการเขียนบล็อก การทำ SEO ต่างๆ และการตลาดทั้ง Inbound Marketing กับ Outbound Marketing ก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป
Outbound Marketing นั้นถ้าเกิดมีการลงทุนไปจะได้ผลลัพธ์กลับมา แต่ถ้าไม่ลงทุนก็ไม่ได้ผลลัพธ์เช่นกัน ส่วน Inbound Marketing ในช่วงแรกต้องลงทุนก่อน ซึ่งผลลัพธ์มากขึ้นเรื่อยๆในระยะยาว และถ้านำทั้ง 2 ฝั่งนี้มาบวกกันก็จะให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจมีความยั่งยืน โดยอาจเริ่มต้นช่วงแรกด้วยการทำ Outbound Marketing ก่อน และในช่วงหลังๆ ที่ Inbound Marketing เริ่มเห็นผลแล้วก็ค่อยๆ ลด Outbound Marketing ลง
Offline Never Dies
กิจกรรมทางโลกออฟไลน์นั้นไม่เคยตายจากเราไปไหน ยกตัวอย่าง เช่น งาน Creative Talk Conference 2019 ที่จัดโดยบริษัท rgb72 ที่ผ่านมา มีการทำ Inbound Marketing ด้วยการจัด Creativity Event ขึ้นมา แล้วพอลูกค้ามาเห็นก็ทำให้ลูกค้าหลายๆ เจ้าสนใจทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Creativity เพิ่มเติม
ดังนั้นก็ควรผสมผลานโลกออฟไลน์และออนไลน์ของธุรกิจคุณเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการ ทำหนังสือ จัดอีเวนท์ หรือสัมมนาให้ความรู้ต่างๆ
Good Thing Take Time
กราฟ traffic ของเว็บไซต์ Content Shifu(ด้านบน) ที่แสดงให้เห็นว่าต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนในการปั้นให้มีผู้ชมเข้ามา ส่วนด้านล่างเป็นกราฟของบริษัทเอเจนซี่ที่ใช้วิธี Inbound Marketing เช่นเดียวกัน และต้องใช้เวลากว่า 9 เดือน จึงจะมีลูกค้าเจ้าแรกติดต่อมา แต่พวกเขาบอกกับเราว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่า
Later is Never & Start Now
เพราะกรุงโรมไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว จึงต้องเข้าใจว่าสิ่งดีๆ นั้นต้องค่อยๆ ใช้เวลาสร้าง และอีกจุดสำคัญคืออย่าลืมเริ่มลงมือแบบทันที เพราะถ้ามัวแต่คิดว่าการทำ Inbound Marketing ต้องใช้เวลานานแล้วคงทำให้สิ่งดีๆ ในระยะยาวไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ในตอนสุดท้ายมีการทิ้งท้ายไว้ในประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจว่าปัจจุบันคอนเทนต์ในประเทศไทยนั้นมีจำนวนมาก ถ้าธุรกิจมัวแต่พูดสิ่งที่ตัวเองอยากพูดโดยไม่สนใจว่าลูกค้าต้องการอะไร ในสุดท้ายแล้วลูกค้าจะหันไปหาสิ่งที่ตัวเองสนใจมากกว่า
Macbook โน๊ตบุ๊คที่ลงตัวทั้งพกพาและการทำงาน คลิกเลย