เรารู้มาตลอดว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซอินเดียนั้นตื่นตัวมาก พร้อมกับเงินทุนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าสู่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซในแดนโรตี ล่าสุดมีการสำรวจว่าชาวอินเดียมียอดซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่า 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐตลอดปี 2013 ที่ผ่านมา (กว่า 512,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับปี 2012
สถิติน่าทึ่งเหล่านี้เผยแพร่โดยสมาคมผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซอินเดีย ASSOCHAM ซึ่งระบุว่าปี 2012 ชาวออนไลน์อินเดียเคยมียอดซื้อสินค้าและบริการออนไลน์เพียง 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 272,000 ล้านบาท) แต่ยอดจำหน่ายในปี 2013 ที่เพิ่งผ่านมานั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 88% มาเป็น 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 512,000 ล้านบาท) ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าตลาดอีคอมเมิร์ซอินเดียมีอัตราเติบโตสูงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2009 ที่อินเดียมียอดการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพียง 2.5 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น (ราว 80,000 ล้านบาท)
หากตลาดอีคอมเมิร์ซอินเดียมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าปี 2023 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดจำหน่ายสินค้าออนไลน์ของอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์แน่นอน (เกือบ 1.8 ล้านล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้นไม่หวือหวานักเมื่อเทียบกับประชากรอินเดียที่มีมากกว่า 1,200 ล้านคน โดยขณะนี้ อินเดียมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 150 ล้านคน คาดว่าตัวเลขเหล่านี้จะเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลางซึ่งมีส่วนผลักดันให้ตลาดการค้าออนไลน์อินเดียเติบโตก้าวกระโดดเหมือนนานาประเทศ ตัวอย่างเช่นจีนที่ชนชั้นกลางของประเทศดันให้ยอดจำหน่ายอีคอมเมิร์ซแดนมังกรทะลุหลัก 2.65 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2013 ที่ผ่านมา (ร่วม 850,000 ล้านบาท)
เมืองสุดฮอตที่เป็นสถานที่รวมตัวของนักช้อปออนไลน์แดนภารตะคือมุมไบ (Mumbai) รองลงมาจึงจะเป็นเมืองหลวงอย่างเดลี (Delhi) และโกลกาต้า (Kolkata)
การสำรวจพบว่า 35% ของนักช้อปออนไลน์อินเดียมีอายุ 18-25 ปี ขณะที่ 55% อายุ 26-35 ปี โดย 8% เป็นวัยกลางคน 36-45 ปี มีเพียง 2% เท่านั้นที่มีอายุ 45-50 ปี
ร้านค้าออนไลน์ 10 อันดับที่ได้รับความนิยมจากชาวอินเดียประกอบด้วยเว็บไซต์ประเภทอีคอมเมิร์ซ, อาหาร, และคูปองออนไลน์ จุดนี้สมาคม ASSOCHAM ไม่ได้ระบุว่าจัดอันดับจากจำนวนผู้ใช้หรือมูลค่ายอดซื้อ แต่ยกอันดับ 1 ให้เว็บไซต์อย่าง Flipkart รองลงมาคือ eBay India, Snapdeal, Amazon India, Myntra, Shopclues, Dominos, Freecharge, Jabong และ Tradus
ที่มา : Tech in Asia